Electric Vehicle รถยนต์ไฟฟ้า นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม

Share

Loading

พลังงานเชื้อเพลิงกำลังจะหมดไปจากโลกจริงหรือ เราจะใช้อะไรในการขับเคลื่อนยานพาหนะ จะมีพลังงานใดมาทดแทนกันได้ แล้วจะมีออกมาให้เราใช้งานได้เมื่อไหร่ คำตอบทุกอย่างที่สงสัยหมดลงไปทันที เมื่อมีการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทั้งประหยัดพลังงาน เพราะนอกจากจะไม่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงแล้วยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่มาแรงสุดๆ ในตอนนี้เลยก็ว่าได้

            ถึงแม้รถยนต์ไฟฟ้าจะเปิดตัวออกมาได้สักระยะแล้ว แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ยังไม่รู้ว่าเจ้ารถยนต์ตัวนี้มีดีอย่างไร และสามารถทดแทนรถยนต์รุ่นก่อนๆ ได้จริงหรือเปล่า รวมถึงความกังวลอีกมากในตัวรถยนต์ไฟฟ้านี้ แต่เช่นกันยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ให้ความสนใจและพร้อมที่จะใช้งานแทบจะทันทีที่รถยนต์ไฟฟ้าได้เปิดตัว ซึ่งประเทศไทยเอง Electric Vehicle หรือรถยนต์ไฟฟ้า ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานี่เอง

tesla-4255619_1920

รถยนต์ไฟฟ้า EV คืออะไร

            รถยนต์ EV มีชื่อเรียกแบบเต็มๆ ว่า Electric Vehicle แปลได้อย่างตรงตัวว่ารถไฟฟ้า ปรับตัวจากการใช้เครื่องยนต์ดีเซลหรือเครื่องยนต์เบนซินเพียงอย่างเดียว มาพัฒนาเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ไฟฟ้าให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะยังมีการผลิตเครื่องยนต์ดีเซล และเบนซินอยู่ แต่ทิศทางของรถ EV ก็เติบโตมากขึ้นเช่นกัน

ทำความรู้จักกับรถยนต์ EV

            รถยนต์ EV คือยานพาหนะที่ขับเคลื่อนโดยมอเตอร์ไฟฟ้าแทนการใช้เครื่องยนต์ที่มีการเผาไหม้แบบสันดาป โดยจะใช้พลังจากไฟฟ้าแทนการใช้มันน้ำหรือพลังงานอื่นๆ โดยระบบรถไฟฟ้าจะเก็บพลังงานเอาไว้ในแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จได้ และแปลงพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้ในการขับเคลื่อนรถ อนึ่งรถยนต์ EV ไม่ต้องมีกลไกลอะไรที่มากเหมือนขับเคลื่อนอย่างเช่นรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ซึ่งต้องใช้การจุดระเบิดเผาไหม้ในการขับเคลื่อน ทำให้เครื่องยนต์เงียบ และไม่มีไอเสียจากการเผาผลาญพลังงานรถยนต์ไฟฟ้าสามารถแบ่งได้หลายประเภทตามชื่อเรียก และกลุ่มของการใช้พลังงานในการขับเคลื่อน ตั้งแต่การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพียงอย่างเดียว จนถึงการใช้ระบบไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในการขับเคลื่อน และยังมีรถยนต์ชนิด Fuel Cell Vehicles (FCV) ซึ่งขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจน และคาดว่าจะเข้ามาถึงตลาดได้ภายในเร็ววัน ในปัจจุบันรถยนต์ EV สามารถแบ่งตามเทคโนโลยีออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

1. รถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle : HEV) เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานผสมผสานระหว่าง เชื้อเพลิงทั่วไป และพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ รถยนต์ประเภทนี้จะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่าแบบใช้เครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว เนื่องจากเมื่อมีการเหยียบเบรกรถ บางส่วนของพลังงานจะถูกจัดเก็บไว้ในแบตเตอรี่ และพลังงานที่เก็บไว้สามารถใช้ในภายหลังเพื่อการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมกับการทำงานของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้

2. รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle : PHEV) รถยนต์ประเภทนี้มีระบบ น้ำมันเชื้อเพลิง และระบบไฟฟ้าเช่นเดียวกับรถยนต์ไฮบริด แต่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้จากภายนอก หรือ Plug-in ทำให้เมื่อเสียบชาร์จพลังงานแล้วรถก็สามารถวิ่งไปได้ในระยะทางที่มากกว่าระบบไฮบริดแบบเดิม และแบตเตอรี่ที่ใช้ ยังสามารถชาร์จไฟเพิ่มเพื่อกักเก็บประจุได้ตามต้องการ และเมื่อแบตเตอรี่หมดลงรถจะทำงานคล้ายกับระบบแบบไฮบริด (HEV)

3. รถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แหล่งพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวในการขับเคลื่อน (Plug-in Electric Vehicles : PEVs) รถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้จะคล้ายคลึงกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) เพียงแต่จะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักเพียงอย่างเดียว เมื่อแบตเตอรี่หมดลงจะต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จประจุใหม่ สามารถแยกตามการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ ได้ดังนี้

  • 3.1 รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้วิ่งในระยะสั้น หรือในละแวกใกล้เคียง มีช่วงการขับขี่ต่ำและทำงานที่ความเร็วต่ำ ตัวอย่างเช่น GEM Electric Motorcar
  • 3.2 รถยนต์ไฟฟ้าประเภท Battery Electric Vehicle (BEV) รถยนต์ประเภทนี้ขับเคลื่อนโดยใช้พลังงาน ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 100% จึงต้องมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ และสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลต่อการชาร์จต่อหนึ่งครั้ง ทั้งนี้รถยนต์(Plug-in Electric Vehicles : PEVs) จะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว โดยไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในจึงไม่ทำให้เกิดสารก่อมลพิษในขณะขับเคลื่อนหรือที่เรียกว่า Zero Emission แต่มีข้อเสียอยู่ที่มีระยะทางการวิ่งจำกัด โดยระยะทางในการขับขี่จะขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่ และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ในการใช้งาน และเส้นทางวิ่ง
  • 3.3 รถยนต์ไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle – FCEV) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อน และใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) โดยเป็นเชื้อเพลิงไฮโดรเจนจากการเติมเชื้อเพลิงภายนอก โดยไม่มีการปล่อยมลพิษ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์โดยตรง จะมีเพียงการปลดปล่อยน้ำเท่านั้น ในปัจจุบันรถยนต์แบบ FCEV มีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น และคาดว่าจะมีการเติบโต รวมถึงเข้าสู่ตลาดได้กันในเร็ววัน

electric-car

พลังงานทางเลือกมีอะไรบ้าง

            ปัจจุบันเทคโนโลยีในเรื่องของพลังงานมีความก้าวหน้าและได้กลายเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคมากมายซึ่งได้รับความนิยมเชิงพาณิชย์ในต่างประเทศ รวมถึงผู้บริโภคบางกลุ่มในประเทศไทย ท่ามกลางทางเลือกที่หลากหลายเหล่านั้น วันนี้เราขอนำเสนอ 3 เทคโนโลยีของรถยนต์ ซึ่งได้รับการพูดถึงมากที่สุด ณ ขณะนี้ ซึ่งก็ได้แก่

  • รถยนต์พลังงานไฮบริด (Hybrid) เป็นการใช้พลังงานที่เกิดจากการผสมผสานการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์สันดาปภายในและพลังงานไฟฟ้าจากมอเตอร์ โดยจะมีระบบคำนวณการทำงานอัตโนมัติว่าจะใช้เครื่องยนต์ชนิดใดในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์
  • รถพลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen) เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่ผลิตพลังงานด้วยกระบวนการทางเคมี ทำให้เกิดการรวมตัวของไฮโดรเจนกับออกซิเจน กระบวนการดังกล่าวก่อให้เกิดมลพิษน้อยมาก แต่ราคาก็อยู่ในเกณฑ์สูงมากๆ เช่นกัน ทำให้ไม่สามารถผลิตออกมาใช้ในเชิงพาณิชย์ได้
  • รถยนต์พลังงานไฟฟ้า100% หรือ EV เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนทั้งหมด โดยแบตเตอรี่จะทำหน้าที่เก็บพลังงานไฟฟ้าที่รับเข้ามาจากการชาร์จ และส่งต่อผ่านตัวแปลงกระแสไฟฟ้า ไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งพลังงานไปยังเพลาเพื่อทำการขับเคลื่อน และอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนจะอยู่ที่ก้อนแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนซึ่งแบตเตอรี่ชนิดนี้ให้สามารถเก็บพลังงานได้มากและมีอายุการใช้งานนาน

ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า

electric

ต่อไปอาจไม่มีปั๊ม ไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำมันขึ้นราคา

            ความประหยัดที่มีให้มากกว่าของรถยนต์ไฟฟ้า ค่าเฉลี่ยของเงินที่ต้องจ่ายในการเดินทางเทียบเป็นกิโลเมตร EV สามารถไปได้กว่าเมื่อเทียบกับรถที่ใช้เครื่องยนต์ในค่าใช้จ่ายที่เท่ากัน ในอนาคตอาจจะไม่มีอีกแล้วปั๊มน้ำมัน แต่กลายเป็นสถานีชาร์จไฟ สิ่งที่คุณทำประจำเวลาฟังข่าวคือประกาศการขึ้นลงค่าน้ำมัน ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลอีกว่าพรุ่งน้ำมันจะขึ้น ต้องรีบออกไปเติม สิ่งที่จะต้องห่วงคงจะมีแค่ตอนที่คุณจะขึ้นนอน คุณลืมเสียบสายชาร์จไฟให้รถของคุณแล้วหรือยัง

มลภาวะเป็นศูนย์

            “เมื่อไม่มีการเผาไหม้ มลภาวะก็ไม่มี” ความฝันของคนเมืองที่อยากสูดอากาศบริสุทธิ์ เดินข้างถนนรถติดๆ ก็ยังสูดอากาศได้เต็มปอดจะเป็นไปได้เมื่อทุกคนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า แม้จะไม่ใช่ในระยะเวลาอันสั้นที่จะถึงนี้ แต่ก็คงไม่นานเกินที่จะเป็นไปได้ จากกระแสความนิยมและตื่นตัวเรื่องมลพิษด้วยก็ส่วนหนึ่ง ทำให้ Tesla รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ไม่ Hybrid ไม่ Plug-In ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วเกินคาด จนทำให้ตัวใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์อย่าง Toyota ก็ต้องเร่งศึกษาและสร้างเทคโนโลยีด้านนี้อย่างเร่งด่วน จากข่าวล่าสุดในการจับมือกับ Mazda, Denso เพื่อเร่งพัฒนาสำหรับรถ EV เตรียมรองรับความต้องการ ตอบรับความนิยมของรถประเภทนี้ที่ Tesla ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามกับยอดจองแบบข้ามปี

car

การซ่อมบำรุงถูกกว่า

            เครื่องยนต์แบบเดิมๆ ที่ต้องมีการเผาไหม้ ผู้ใช้อาจต้องปวดหัวกับการซ่อมบำรุงชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยในการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ทั้งหัวเทียน สายไฟ หัวฉีด น้ำมันเครื่อง ที่สลับกันมาเสียหรือถึงระยะเปลี่ยนถ่ายเมื่อรถใช้งานไปสักระยะแต่รถยนต์ไฟฟ้าจะมีชิ้นส่วนในการทำงานที่จุกจิกน้อยกว่า  การขับเคลื่อนก็มีแค่มอเตอร์ไฟฟ้ากับแบตเตอรี่ ระบบเบรคที่ใช้มอเตอร์ช่วยเพิ่มแรงเสียดทานขณะเบรคก็ทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ ของระบบทำงานน้อยลง สึกหรอน้อยกว่าและแน่นอนค่าบำรุงรักษาก็ถูกกว่าด้วยเช่นกัน

            ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ที่ทุกคนไทยกลัวกันแต่ก่อนที่ Toyota แนะนำ Camry Hybrid จนไม่ค่อยมีใครกล้าซื้อมาใช้บีบให้ทางค่ายต้องออกโปรโมชั่นรับประกันตัวแบตถึง 10 ปีเพื่อเพิ่มความมั่นใจ ก็มีแนวโน้มที่ราคาจะถูกลงกว่าปัจจุบัน เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนแบตจริงๆ

            จากงานวิจัยของ Bloomberg เรื่อง New Energy Finance ชี้ให้เห็นว่า ต้นทุนราคาของแบตเตอรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มลดลง ซึ่งก็มีผลทำให้ในอนาคตราคารถยนต์ไฟฟ้า ในสหรัฐอเมริกาและโซนยุโรปจะมีราคาถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันแบบเดิมๆ เสียอีก และอานิสงค์ที่เมืองไทยจะได้เป็นฐานการผลิตรถ EV หรือแบตเตอรี่สำหรับรถ EV ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ราคาของแบตถูกลงคงคลายความกังวลในการตัดสินใจเลือกใช้รถ Hybrid หรือรถ EV ของหลายๆ คนลงได้ อีกทั้งแบตเตอรี่เหล่านี้ก็ถูกออกแบบมาให้มีอายุการใช้งาน ทน นาน อาจนานกว่าจะเสีย จนเจ้าของรถเบื่อและเปลี่ยนรถใหม่อีกคันเลยด้วยซ้ำ

ขับขี่เงียบกว่า

            แต่ก่อนรถยนต์ที่ผลิตออกมาขายต่างแข่งกันในเรื่องของความเงียบในห้องโดยสาร จนเรื่องออพชั่น เทคโนโลยีล้ำต่างๆ เข้ามาก็ทำให้ผู้ผลิตละเลยตรงส่วนนี้ไป แต่ผู้ใช้ไม่กังวลกับปัญหาเรื่องเสียงดังที่มาจากเครื่องยนต์ เพราะรถ EV ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนทำได้เงียบกว่ามากจนแทบแยกไม่ออกเลยว่ามอเตอร์กำลังติดอยู่

            ความเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่มนุษย์หวาดกลัว แต่ถ้าศึกษาอย่างเข้าใจก็จะทำให้สามารถอยู่ร่วมกับสิ่งใหม่ๆ และช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นยิ่งกว่า ความประหยัดที่มากขึ้น มลภาวะน้อยลงในรถ EV คือสิ่งเครื่องยนต์เผาไหม้ธรรมดาปัจจุบันให้ได้ไม่เทียบเท่า

ข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้า

ข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสถานีชาร์จ

            หนึ่งในปัญหาสำคัญสำหรับเจ้าของรถไฟฟ้าคือการหาที่ชาร์จไฟเมื่อต้องเดินทางออกนอกเมือง การเดินทางไกลจึงต้องวางแผนรอบคอบกว่าเก่าและกลายเป็นความท้าทายชวนเครียด เพราะคุณต้องลุ้นว่า จะมีสถานีให้ชาร์จหรือไม่

ระยะเวลาในการชาร์จ

            โดยเฉลี่ยการชาร์จให้เต็ม 1 ครั้งจะอยู่ที่ประมาณ 4 ชั่วโมงกับอีก 30 นาที เท่ากับว่าต้องชาร์จในเวลากลางคืนและใช้รถเวลากลางวันเท่านั้น หากใช้ผิดแปลกไปจากนี้อาจจะทำให้เกิดปัญหากับการใช้รถยนต์ได้ ต่างจากการเติมน้ำมันที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

electric-charge

ปัญหาระยะขับเคลื่อนที่ไม่สอดคล้อง

            รถไฟฟ้าทุกคันมีระยะขับเคลื่อนรวมที่ประมาณการซึ่งกำหนดโดยผู้ผลิตและรัฐบาล แต่ปัญหาก็คือ ตัวเลขดังกล่าวเป็นจริงได้ยากในสภาพแวดล้อมการขับขี่จริง ช่วงระยะขับเคลื่อนอย่างเป็นทางการที่กำหนดดังกล่าวมาจากนักขับที่มีประสบการณ์บวกกับความอดทนอย่างสูง และในสภาวะแวดล้อมที่เอื้ออำนวยสุดขีดซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใช้จะได้พบเจอในความเป็นจริง ตัวอย่างเช่น สภาพอากาศที่มีบทบาทอย่างมากกับระยะขับเคลื่อน กล่าวคือถ้าอากาศหนาวเย็น ระยะขับเคลื่อนอาจลดลงถึง 40% ดังนั้น อีวีจึงอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสภาพอากาศหนาวเย็น นอกจากนั้นรถไฟฟ้ายังทำงานอย่างมีประสิทธิภาพหากสัมผัสด้วยความละมุนละม่อม หมายความว่านักขับเท้าหนักอาจได้ระยะขับเคลื่อนสั้นลง

ระยะขับเคลื่อนรวมจำกัด

            แม้ระยะขับเคลื่อนที่ดีที่สุดคือ 335 ไมล์ (539 กิโลเมตร) ที่นำเสนอโดยเทสลา โมเดลเอส 100 ดี แต่ยังถือว่า ห่างไกลจากระยะขับเคลื่อนรวมของรถที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบซึ่งมีระยะขับเคลื่อนรวมเฉลี่ย 370 ไมล์ (595 กิโลเมตร) โดยประมาณจากน้ำมันเต็มถัง

            นอกจากเทสลาแล้ว รถไฟฟ้าอื่นๆ ส่วนใหญ่มีระยะขับเคลื่อนรวมแค่ 100-278 ไมล์ (160-447 กิโลเมตร) จากการชาร์จไฟเต็ม การขับรถไฟฟ้าจึงอาจทำให้กิจกรรมประจำวันกลายเป็นภารกิจท้าทายและสร้างปัญหา อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่อาจไม่ต้องการระยะขับเคลื่อนมากนัก เนื่องจากเฉลี่ยแล้วคนเราจะเดินทางกันวันละประมาณ 30 ไมล์ (48 กิโลเมตร) เท่านั้น

ราคาเกินเอื้อม

            ราคารถไฟฟ้ายังแพงกว่ารถใช้น้ำมันมาก แม้หลายประเทศเสนอมาตรการจูงใจทางภาษีและส่วนลดต่างๆ แก่ผู้ใช้ แต่ราคาเริ่มต้นเฉลี่ยของรถยนต์ไฟฟ้าก็ยังถือว่าเกินเอื้อมสำหรับคนธรรมดาทั่วไปอยู่ดี

มีตัวเลือกน้อยมาก

            แม้ว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะส่งผลดีต่อโลก แต่ก็ยังมีการผลิตออกมาไม่มากนัก ทำให้มีตัวเลือกให้ผู้บริโภคเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ในการใช้งานน้อยมาก ๆ อีกประเด็นคือ รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์รุ่นเล็ก สำหรับใช้ในเมืองระยะสั้น ๆ และด้วยข้อจำกัดของพลังงานแบตเตอรี่ รวมไปถึงสถานที่ให้บริการชาร์จไฟที่ยังมีน้อยมาก ทำให้ไม่สามารถขับออกต่างจังหวัดไกล ๆ ได้

            ข้อดีข้อเสียที่ยกมานี้คงเพียงพอที่จะทำให้ทุกท่านสามารถตัดสินใจได้ว่าตนเองต้องการรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งานหรือไม่ แล้วรถนี้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละท่านหรือเปล่า ถึงแม้จะมีข้อเสียหลายข้อ แต่แน่นอนว่าข้อดีก็ไม่น้อย และที่แน่นอนที่สุดรถยนต์ไฟฟ้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนั่นหมายความได้ว่าท่านสามารถช่วยให้โลกเราน่าอยู่ขึ้นได้นั่นเอง

 

ขอขอบคุณแหล่งที่มา

https://www.brandbuffet.in.th/2018/12/electric-car-trends-thailand/

https://chobrod.com/tips-car-care/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2-ev-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89-6623

https://www.moneyguru.co.th/car-insurance/articles/%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2/

https://mgronline.com/motoring/detail/9610000020007