ได้เห็นข่าวบางค่าย เปิดตัวมือถือที่มาพร้อมกล้องความละเอียดระดับ 8K และ 5G ที่กำลังจะมาถึง บวกกับ DeepFake ที่สามารถเอามาสร้างคลิบของคน ๆ นั้น ทั้งๆ เขาไม่ได้เป็นคนถ่าย เลยอยากวิเคราะห์ถึง disruption ที่กำลังจะมาถึงซะหน่อย เพราะเห็นว่าน่าจะกระทบตลอดทั้งห่วงโซ่ (value chain) ของวงการสื่อเลยทีเดียว
A. อธิบายพื้นฐานให้พวกเราเห็นภาพก่อน
A.1 8K คือภาพวิดีโอที่ละเอียดสุด ๆ (ละเอียดกว่า Full HD 16 เท่า) บวกกับ 5G ที่จะทำให้โหลดข้อมูลได้เร็วมากๆ
A.2 มีกล้องแบบ 360 องศาถ่ายภาพรอบทิศทาง ทำให้คนดูเหมือนอยู่ในสถานที่นั้นด้วยเลย
A.3 Deepfake เป็นวิดีโอที่สังเคราะห์ขึ้นด้วย AI ที่อนุญาตให้เราป้อนภาพถ่ายของนาย A เพื่อไปแปะบนหน้าตาของนาย B (หรือตัวละคร AI 3 มิติ) ให้เสมือนว่า นาย A เป็นคนแสดงอยู่
0
0
0
รูปภาพจาก Wiki รูปซ้ายมือเป็นภาพจริง (ของ Amy Adams) ด้านขวา คือเอา ภาพ Nicolas Cage มาซ้อนลงไป
ที่มา : https://en.wikipedia.org/w/index.php?curid=61555724
0
A.4 5G ที่จะทำให้ผู้บริโภคสามารถโหลดหรือแชร์เนื้อหาวิดีโอละเอียดๆ ได้อย่างรวดเร็ว และถึงมือทุกที่ทุกเวลา ไม่ต้องรอกลับถึงบ้านนั่งหน้าจอ
B. Disruption ของเนื้อหา
B.1 ฝั่งโฆษณา เนื้อหาสามารถ เป็นแบบ 3 มิติความละเอียดสูง จากเดิมที่เป็นสองมิติแบน ๆ
B.2 ฝั่งรูปแบบเนื้อหา ภาพ 3 มิติ สามารถโต้ตอบจับหมุน ซูม หรือ คุยกับ presenter 3 มิติที่เป็น AI มีหน้าตาสวยหล่อ เหมือนจริง สุดๆ
B.3 ฝั่งผู้ใช้สามารถจะ live สด ภาพวิดีโอ 8K ขึ้น Youtube, Facebook ฯลฯ ได้
B.4 และอีกไม่นาน คงไปถึง live สด ภาพวิดีโอ 8K แบบรอบทิศทาง 360 องศา
C. Disruption ของอาชีพ ทักษะ และวิธีทำงาน
C.1 ฝั่งผู้ผลิตสื่อ
— จะเริ่มมีเครื่องมือสร้างสื่อที่ใช้ เทคโนโลยี Deepfake คือภาพวิดีโอ ที่เอา หน้าคนอื่นมาแปะเข้ากับ AI Agent 3 มิติ
— การถ่ายหนัง ถ่ายโฆษณา ถ่ายคลิป หรือรายงานข่าว จะเริ่มเป็น 8K บวกกับกล้องที่เห็นรอบทิศ 360 องศา
C.2 ผู้กำกับ ต้องทำงานกับซอฟต์แวร์ พวกนี้เป็น และการสร้างฉากที่เป็น CG (Computer Graphic) ล้วน จะทำง่ายขึ้นมาก มี AI สร้างให้ได้หมด แทบไม่ต้องแต่งเหมือนในอดีต
C.3 เรื่องบรรยากาศจะเอา ฝนตก แดดออก มืดสลัวๆ หิมะลง หรือฝนปรอย ๆ หรือหมอกจาง ทำได้หมด
C.4 เรื่องฉาก (สถานที่) จะเอาที่ไหนก็ได้ในโลก น่าจะมีอาชีพถ่ายภาพสถานที่สวย ๆ ในโลก แล้วขาย เพื่อให้ผู้ผลิตซอฟต์สร้างสื่อพวกนี้เอาไปเป็นข้อมูลฉากพื้นฐานสำหรับใช้ใน AI Studio/Software และได้ความละเอียดขนาด 8K ด้วย ภาพเนียนสุด ๆ
C.5 เรื่องตัวประกอบ ลูกเด็ก เล็กแดง หมา แมว มด แมลงหวี่ แมลงวัน ยุง แมงมุม ใช้ AI สร้างขึ้นมาได้หมดตามใจ
C.6 ฝั่งดารา
C.6.1 ไม่ต้องไปออกพื้นที่ เข้ากองถ่าย หรือ เข้าสตูดิโอ อีกแล้ว แค่อนุญาตให้เขาเอาหน้าตัวเองไปแปะบน AI Agent ก็พอ แล้วเก็บค่าธรรมเนียมการใช้หน้าตัวเอง
C.6.2 ไม่ต้องท่องบท ไม่ต้องบีบอารมณ์ตัวเองให้เสียสุขภาพจิตเหมือนตอนเข้าฉากละคร โดยอาจจะทำครั้งเดียวพอ แล้วส่งวิดีโอ 8K ที่แสดงอารมณ์ต่าง ๆ ของเราเพื่อให้ AI เรียนรู้สไตล์การแสดงสีหน้า ท่าทางของเรา ที่เหลือครั้งต่อ ๆ ไป AI Software ทำให้เองหมด
แถม เรื่องบทพูด คนเป็นผู้กำกับจะสามาถใช้ Software มาสั่งให้ตัวละคน AI ที่มีหน้าดาราแปะแบบเนียน ๆ พูดเอง โดยตัวดาราไม่ต้องไปยุ่งเลย
C.6.3 คนเป็นผู้กำกับ ต้องเตรียมตัวทำงานกับ AI และซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ให้ได้
— จะไม่มีแล้วที่ต้องกำกับดาราที่เป็นคนให้แสดงอารมณ์ หรือ acting หรือคิวบู้ หรือ love scene
— ไม่ต้องนั่งลำดับภาพ กำกับมุมกล้อง หรือสอนดาราให้ส่งอารมณ์กัน
— จินตนาการฉากต่างๆ สามารถเอามาลองสร้างเป็นฉากจริงจาก software ได้เลย โดยไปต้องไปถ่ายเป็นร้อย takes แล้วก็ยังไม่ perfect อย่างที่อยากได้ สามารถนั่งปรับอยู่หน้าจอ จนพอใจ
D. ฝั่งต้นทุนการผลิตและเวลา จะลดลงจากเดิมแบบเทียบกันไม่ได้ เพราะ…
D.1 AI Agent ไม่เหนื่อย ไม่มาสาย ไม่ต้องกินข้าว ไม่บ่น และจะบอกให้ตีลังกากลับหลัง สะพานโค้ง ออกคิวบู้ได้หมด ไม่ต้องมีสตั้นแมน ไม่ต้องทำประกันชีวิต และอุบัติเหตุ ไม่มีข้อจำกัดทางกายภาพ
D.2 จะเอาฉากที่ไหนในโลกมาใช้ก็ได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปถ่ายทำ ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าสถานที่ ไม่ต้องกั้นจราจร
D.3 เอาบรรยากาศ สภาพแวดล้อม แสงสีเสียง สั่งได้หมด ไม่ต้องรอลมฟ้าอากาศ ไม่ต้องเช็คพยากรณ์อากาศ ไม่ต้องส่องไฟ จะสั่งถ่ายทำใหม่เมื่อไหร่ จากที่ไหนก็ได้
D.4 ดาราตัวประกอบ สัตว์ รถยนต์ หรือ วัตถุต่าง ๆ สั่ง AI สร้างขึ้นมาหมด ไม่ต้องไปจ้าง หรือมัวปวดหัวกำกับแล้วกำกับอีก ก็ยังไม่ได้ดั่งใจเหมือนแต่ก่อน
สรุป
1. จะเห็นว่า 8K Video + 5G + Deepfake จะ disrupt วงการสื่อ ตลอดทั้งห่วงโซ่เลย
ตั้งแต่ ดารา ผจก. ดารา ผู้ผลิต ผู้กำกับ เด็กกองถ่าย ผู้เสพ และนักลงทุน
2. แล้วคนที่ทำอาชีพพวกนี้ ก็จะต้องปรับตัวไปทำอาชีพอื่น หรือฝึกทักษะด้านดิจิทัลเพิ่มเติม
3. ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ disruption นี้จะเกิด เพราะ 5G มันกระทบไปที่ผู้ใช้ ผู้เสพสื่อปลายทาง เป็นล้าน ๆ คน แปลว่า คนที่อยู่ต้นทางทั้งหมด จะถูกบีบให้ต้องปรับตัว ไม่งั้นไม่ได้ไปต่อ
4. หลักคิดคือ Technology อะไรที่กระทบถึงผู้ใช้ปลายทาง มันจะมี power มากพอจะ disrupt ย้อนกลับขึ้นไปต้นทางตลอดสาย
ก็เป็นความคิดเห็น และบทวิเคราะห์ ที่เอามาแชร์ครับ เพราะยังไม่ค่อยเห็นใครเขียน คงช่วยสร้างพื้นฐานให้ท่านไปจินตนาการต่อ วางแผนและปรับตัวได้
บทความโดย : อ. มนต์ศักดิ์ โซ่เจริญธรรม
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=3234473053232978&set=pcb.3234498773230406&type=3&__tn__=HH-R&eid=ARBYgfiXzOS1_2E9qmDtLcMnm-kbMmIIU1LT0pHzZK0vuyMBvnd1SDip8zV0YWb09nWSDin7pebWew0K