จากการที่ล่าสุด U.S. News & World Report เผยผลการจัดอันดับประเทศที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลก ประจำปี 2563 หรือ Best Countries to Start a Business 2020 ให้ “ประเทศไทย” ติดอันดับที่ 1 ของโลก ในแง่ประเทศที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจ จากทั้งหมด 73 ประเทศทั่วโลก โดยมีอันดับ 2-10 เรียงตามมาโดยลำดับ ดังนี้คือ มาเลเซีย จีน สิงคโปร์ อินเดีย ฟิลิปปินส์ เม็กซิโก สวิตเซอร์แลนด์ อินโดนีเซีย และแคนาดา (ข้อมูลอ้างอิง https://www.usnews.com/news/best-countries/best-start-a-business)
การจัดอันดับดังกล่าวเป็นผลจากการสำรวจความคิดเห็นของบุคคลระดับผู้มีอำนาจในการตัดสินใจของธุรกิจจำนวนเกือบ 6,000 ราย พิจารณาจาก 5 ปัจจัยหลัก ๆ คือ
- ต้นทุนการดำเนินการ
- ระบบราชการ-กฎระเบียบต่าง ๆ
- ต้นทุนการผลิตในเชิงอุตสาหกรรม
- การเชื่อมโยงกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
- การเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่าย
ไม่เพียงเท่านั้น ในวันนี้จากอันดับความมั่นคงทางสาธารณสุข หรือ health security ranking ของทั่วโลก 195 ประเทศ (จัดทำโดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ เผยแพร่ล่าสุดเดือนต.ค. 2562) ไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศเดียว ที่เข้าอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ที่มีความมั่นคงด้านสุขภาพ โดยไทยอยู่อันดับที่ 6 และยังเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย ไม่เพียงเท่านั้น ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ ไทยได้รับการยกย่องเป็นประเทศที่มีการป้องกันโรคระบาดอย่างดีเยี่ยม มีความพร้อมในการรับมือต่อการระบาดของโรคมากที่สุด ซึ่งมีเพียง 13 ประเทศทั่วโลกเท่านั้น
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เอกพงษ์ ตรีตรง อดีตคณบดี คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับศักยภาพของประเทศไทย ผ่านทางบทความ “ประเทศไทยจะบูมหลังโควิด” ที่นำเสนอผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ “ประเทศไทยต้องชนะ” เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ในมุมมองของนักลงทุนต่างชาติต่างเห็นพ้องว่า ประเทศไทยปลอดภัยที่สุด และเป็นทางเลือก “อันดับต้นๆ” ของโลกที่เศรษฐีต่างชาติกำลังตัดสินใจย้ายมาพำนักมาอยู่ เนื่องจากมีระบบการดูแลรักษา ระบบการแพทย์ และการพยาบาลที่ดีที่สุด
“ประเทศไทยคือทางเลือกอันดับต้นๆของโลกครับ” ช่วงหนึ่งของบทความระบุ และว่า ผู้สูงอายุจากหลายประเทศสนใจที่จะย้ายมาพักระยะยาวกับประเทศที่มีระบบการดูแลมนุษย์ที่ดีอย่างมีระบบ ดังนั้น การสร้างเมืองใหม่ๆจะเกิดขึ้นในไทย
การพัฒนาเศรษฐกิจจากคนรวยและเก่งจากทั้งโลกจะทำให้ประเทศไทยเนื้อหอมที่สุด และอาจจะเกิดขึ้นในทุกภูมิภาคเพราะปัจจัยบวกมากมายที่ประเทศไทยของเรามี เช่น ระบบการจัดการอาหารที่เป็นวงจรที่สามารถพึ่งพาตัวเองใด้ทั้งระบบ เป็นดินแดนอาหารและครัวโลก เป็นแหล่งที่ไม่มีวันอดอยาก และกันดารอาหาร ค่าครองชีพไม่สูง ดำรงชีพใด้ไม่ยาก สังคมไม่สลับซับซ้อนยุ่งยาก
ระบบเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่9 จะเป็นปรัชญาที่มีคุณค่าที่สุดในโลก ไทยคือศูนย์กลางแนวคิดที่จะมีคนในโลกเข้ามาศึกษาและต่อยอดสู่นวัตกรรมแห่งการอยู่ยั่งยืนและปลอดภัย
สภาพอากาศที่ดีต่อการอยู่อาศัย อากาศร้อนเป็นผลดี เพราะทำให้สถิติการแพร่เชื้อในลักษณะอากาศแบบนี้น้อย ระบบสมาร์ทฟาร์ม ระบบการออกแบบบ้านที่มีระบบการอยู่และสร้างนวัตกรรมในครัวเรือน สามารถสร้างสรรค์ใด้ดีในประเทศ
การเป็นมิตร ความอารยะของคนไทยส่วนใหญ่เป็นผลบวกต่อการต้อนรับสิ่งดีๆจากทั้งโลก
ระบบกฎหมายที่เปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือในการลงทุนจากต่างชาติ ถือยังเป็นผลบวกไม่ยุ่งยากเมื่อเทียบกับหลายประเทศ มีอุปสรรคอยู่บ้างแต่สามารถแก้ใด้ไม่ยากนัก และสามารถปลดล็อคได้เช่น EEC NEC อันมีผลต่อการเสริมสร้างโครงการดี ๆ
“ผมขอเสนอไอเดียนี้กับรัฐบาลเพื่อให้เตรียมความพร้อมในการรองรับและควรมีระบบการบริหารจัดการในการสร้างเมืองเซฟโซน เมืองปลอดภัย เมืองไร้โรค เมืองใหม่ๆ กระจายตัวอยู่ในประเทศทุกจังหวัด มีการสนับสนุนให้เกิดการยกร่างกฎหมายใหม่ๆ ที่ให้โควตาคนเก่งและมีงบประมาณในการร่วมพัฒนาประเทศกับคนไทย ซึ่งไม่ใช่การขายแผ่นดิน แต่ให้มุ่งเน้นการพัฒนาร่วมเฉพาะผู้มีศักยภาพจากทั้งโลกมาร่วมกันลงทุน อันจะมีเงินหมุนเวียนมหาศาลจากทั่วโลก และถือเป็นการยกระดับประเทศไปพร้อมกันสู่ประเทศพัฒนาแล้ว
รัฐบาลควรจัดให้มีระบบการจัดการในช่วงเวลานี้ ทั้งระบบที่วางแผนเตรียมการในการระดมทุนจากโพ้นทะเล ควรมีการนำเสนอภาพลักษณ์เชิงความน่าลงทุนและศักยภาพที่ดีสู่สายตาชาวโลกตั้งแต่เนิ่น ๆ ควรนำเสนอวิธีการใหม่ๆในการแถลงที่ทำให้คนไทยมีกำลังใจไม่ใช่ดูหดหู่
แนะนำให้เศรษฐีในไทยที่มีศักยภาพเร่งการลงทุนต่าง ๆ ที่มีผลต่อการสร้างงาน สร้างรายใด้ โดยเฉพาะการสนับสนุนให้เกิดการกระจายการสร้างเมือง ที่ให้คนไทยใด้มีพื้นที่อยู่สบาย และการเลือกคนต่างชาติที่มีศักยภาพร่วมกันพัฒนาประเทศไปพร้อมกัน จริง ๆ แล้วไม่ใช่แค่เศรษฐี 20 ตระกูล แต่ควรหมายถึงศักยภาพของคนที่มีสายป่านทั้งหมด ที่ทุกคนต่างมีความสำเร็จในแผ่นดินนี้
ควรใช้เวลานี้ยกระดับทรัพยากรของชาติให้มีคุณค่ามากขึ้น ส่งเสริมระบบเอสเอ็มอีไทยให้เข้มแข็งด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ปัญญาประดิษฐ์ ส่งเสริมให้ธุรกิจเล็กๆ รากหญ้าเข้าสู่ระบบการจัดการเพื่อประกันความเสี่ยง เมื่อเกิดสภาวะวิกฤติสามารถมีระบบจ่ายเงินชดเชยใด้ทุกคน
ส่งเสริมให้เกิดการออมของประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นคงระยะยาวให้มากที่สุด
ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าสู่แรงงานเสถียร ระบบแรงงานสำนักงานที่มีระบบประกันสังคมให้มากที่สุด
ส่งเสริมให้เกิดการสร้างพลังกับนายจ้างคุณภาพ ที่มีระบบให้เกิดความมั่นคง มีรากฐานดีทั้งระบบ
รัฐบาลควรมีกลไกส่งเสริมให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งทั้งระบบ และสนับสนุนเขาให้ลุกขึ้นเดินใด้จากแพลทฟอร์มโครงสร้างที่ยอดเยี่ยมของสังคม!!!
ส่งเสริมให้คนในชนบท มีบ้านที่น่าอยู่ มีวงจรอาหารและการดำรงค์ชีพที่แม้มีวิกฤติก็ไม่เดือดร้อน มีระบบพึ่งพาตัวเอง เช่น มีบ่อเลี้ยงปลา การเพาะพันธ์อาหาร ปลูกพืช ปลูกยาสมุนไพร ระบบการจัดการพลังงานพื้นฐาน และการอยู่อาศัยที่ไม่ต้องใช้เงินตราเป็นหลัก ก็สามารถอยู่ใด้อย่างมีความสุข และอาจต่อยอดสู่การพัฒนาในผลิตภัณฑ์เอสเอ็มอีได้ด้วย
โอกาสนี้โอกาสที่ดีสำหรับประเทศไทย ดินแดนสุวรรณภูมิ ดินแดนอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่บรรพบุรุษรักษาไว้ให้ลูกหลานเราถึงปัจจุบัน “รัก และสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ คือทางออกครับ”
ขอขอบคุณแหล่งที่มา :