การพัฒนาเทคโนโลยีถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมการเงิน ที่ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว หลังจากการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในนวัตกรรม Fintech (Financial Technology)
นอกจากนี้การแข่งกันในกลุ่มธุรกิจการเงินที่ต่างพยายามมองหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าโดยมอบความสะดวกสบายและปลอดภัยที่เหนือกว่า จึงทำให้กลุ่มธุรกิจการเงินถือเป็นกลุ่มธุรกิจแรก ๆ ที่มีการผันตัวเองเข้าสู่โลกของ AI จนล้ำหน้ากว่ากลุ่มธุรกิจประเภทอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งนอกจากการนำเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ มาแข่งขันกันเพื่อยึดกุมฐานลูกค้าเอาไว้ให้ได้แล้ว แต่ในอีกด้านหนึ่งเทคโนโลยีก็ยังสามารถช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการบริหารงานอีกด้วย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้คือส่วนผลักดันสำคัญที่ทำให้เกิดความตื่นตัวทางด้านการใช้เทคโนโลยีในกลุ่มธุรกิจการเงินนั้นเอง
แนวโน้มที่น่าจับตาในอุตสาหกรรมการเงิน
1. บทบาทความสำคัญของ AI มีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากผลการศึกษาของ Accenture ได้กล่าวว่า AI นั้นมีความจำเป็นสำหรับกลุ่มธุรกิจการเงิน เนื่องจาก
- คิดเป็นร้อยละ 54 ของกลุ่มลูกค้าธนาคาร มีความต้องการที่จะเข้าดูยอดเงินในบัญชีแบบเรียลไทม์
- คิดเป็นร้อยละ 41 ของกลุ่มลูกค้าธนาคาร มีความพอใจที่ได้รับคำแนะนำด้านการเงินจาก AI
AI จึงถือว่าเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างมาก รวมถึงระบบ AI ยังมีประสิทธิภาพในการทำงานเหนือกว่ามนุษย์ในหลาย ๆ เรื่อง เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลผู้ยื่นขอสินเชื่อว่ามีความสามารถในการชำระเงินกู้ได้มากน้อยแค่ไหน หรือ AI ยังช่วย Chatbots ให้สามารถแนะนำข้อมูลด้านการเงินแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถตรวจจับสัญญาณการฉ้อโกงได้อีกด้วย
2. ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงจะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น
จากการสำรวจของ IBM พบว่าร้อยละ 71 ของสถาบันการเงินที่มีการนำเอาระบบวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง หรือ Advanced Data Analytics มาใช้ จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เนื่องจากองค์กรสามารถเข้าใจข้อมูลเชิงลึกที่บ่งชี้ถึงพฤติกรรมลูกค้า และสามารถนำเอามาปรับปรุงและสร้างการบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น
ซึ่งกลุ่มธุรกิจการเงิน ถือเป็นกลุ่มธุรกิจแรก ๆ ที่ได้มีการใช้นวัตกรรมการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงนี้ เพราะเป็นกลุ่มธุรกิจที่ต้องมีการพิจารณาข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับการอนุมัติสินเชื่อ และแน่นอนว่าในอนาคตหากเทคโนโลยี Internet of Things ยังคงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะส่งผลโดยตรงต่อการเก็บข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์ในส่วนอื่น ๆ เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจและการบริการ เช่น ข้อมูลจากการรูดบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต เป็นต้น
3. Blockchain จะเป็นเครื่องมือหลักของระบบรักษาความปลอดภัยทางการเงิน
Blockchain ถือเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการเงินมาสักระยะหนึ่งแล้ว โดยถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยรักษาความปลอดภัยเพราะมีการตรวจสอบ (verification) หลายจุดในทุกธุรกรรม ซึ่งในการทำธุรกรรมจะต้องผ่านการยืนยันจากหลายจุดและข้อมูลจะถูกส่งต่อและมีการบันทึกอย่างละเอียดทุกขั้นตอน รวมถึง Blockchain ยังช่วยให้การโอนเงินนั้นประหยัดมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นการโอนโดยตรงไปยังผู้รับผ่านโครงข่าย ซึ่งไม่มีศูนย์กลางในการดูแลข้อมูล (Decentralized Network) ทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับคนกลาง
นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มเป็นอย่างยิ่งที่ Blockchain จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะการเติบโตของสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Cryptocurrency
4. เกิดการปรับตัวครั้งใหญ่ของระบบงานบริการในสำนักงานธนาคาร
ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของแอพพลิเคชั่นธนาคารบนมือถือ ซึ่งกลายเป็นเทคโนโลยีที่กำลังจะกลืนระบบบริการของสำนักงานธนาคารแบบเก่าให้หายไป ดังนี้เราจะเห็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของระบบงานบริการในสำนักงานธนาคารที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน แน่นอนว่าการมาทำธุรกรรมทางการเงินที่สำนักงานธนาคารนั้น เทียบไม่ได้กับความสะดวกสบายเมื่อทำธุรกรรมบนมือถือ แต่สิ่งที่แอพพลิเคชั่นยังทำไม่ได้ คือการใส่ใจบริการแบบมนุษย์ต่อมนุษย์
ดังนั้นการยกระดับคุณค่าของการมาเยือนสำนักงานธนาคารจะเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อความอยู่รอด เช่น การใส่ใจให้คำแนะนำลูกค้าอย่างเป็นมิตรเมื่อลูกค้าพบปัญหาติดขัด การเพิ่มความสะดวกรวดเร็วเมื่อลูกค้ามารอรับบริการที่สำนักงาน โดยพนักงานต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าหาลูกค้าได้อย่างอิสระพร้อมแท็บเล็ตเครื่องเดียว ซึ่งไม่จำเป็นต้องนั่งประจำอยู่ที่โต๊ะอีกต่อไป ซึ่งการสร้างประสบการณ์อันน่าประทับใจระหว่างมนุษย์กับมนุษย์นี้คือสิ่งที่จะทำให้ระบบสำนักงานธนาคารอยู่รอดได้ต่อไป
5. ระบบอัตโนมัติ จะเข้ามาแทนที่ระบบบริการทางการเงินแบบเก่ามากขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจหยุดยั้งได้นั้นก็คือการที่ระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติจะเข้ามาแทนที่ระบบบริการทางการเงินแบบเก่า เพราะระบบอัตโนมัตินั้นได้มีการพัฒนาให้ใช้งานได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และแม่นยำ มากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังช่วยให้ประหยัดงบประมาณด้านงานบริการได้เป็นอย่างมาก จึงส่งผลให้เกิดการลดอัตรากำลังคนลงในหลายส่วนงาน แล้วนำเอาระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติเข้ามาแทนที่ เช่น กลุ่มธนาคาร ANZ ที่ได้นำเอาเทคโนโลยี RPA (Robotic Process Automation) ซึ่งเป็นหุ่นยนต์อัตโนมัติเข้ามาช่วยในการจัดการงานเอกสาร ซึ่งถือเป็นงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ เน้นความแม่นยำ โดยระบบการทำงานที่ใช้หุ่นยนต์นี้ช่วยประหยัดต้นทุนหน้างานได้ถึง 30% เลยทีเดียว
ซึ่งในอนาคตหากหุ่นยนต์อัตโนมัติได้รับพัฒนาจนมีความสามารถมากยิ่งขึ้น ฉลาดมากยิ่งขึ้น ก็อาจจะส่งให้ระบบบริการทางการเงินต้องเปลี่ยนไปอย่างที่เราคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
เรียบเรียงโดยทีมงาน Security Systems Magazine
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
www.techtrendai.com
เครดิตรูปภาพ
www.pexels.com