NSA ได้ออกมาแนะวิธีการบรรเทาปัญหาการที่ผู้ใช้งานถูกติดตามตัวว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไร ซึ่งเราคงทราบกันที่อยู่แล้วว่ามีการติดตามเราอยู่แทบทุกฝีก้าว
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าโดยทั่วไปแล้วการจะถูกติดตามถึงพิกัดมือถือเราอย่างแม่นยำนั้น เกิดขึ้นได้การการผสมผสานของสัญญาณหลายอย่าง เช่น GPS, Cellular, Wi-Fi และ Bluetooth ดังนั้นการบล็อกอุปกรณ์ไม่ให้แชร์ข้อมูลพิกัด (Geolocation) กับผู้ให้บริการมือถือหรือฐานรับสัญญาณจะช่วยบรรเทาปัญหาการเปิดเผยพิกัดของเราได้อยู่บ้าง หรือในกรณีเช่นการวัดตำแหน่งของเราด้วยความแรงของสัญญาณ อย่างไรก็ดีในอุปกรณ์ก็มีความสามารถบันทึกพิกัดของเราได้และส่งกลับเมื่อถูกอนุญาตขึ้นมาใหม่ ที่เราจะเห็นได้จากพวกอุปกรณ์ IoT ด้วย
สำหรับกรณีที่เราจะถูกติดตามได้โดยคาดไม่ถึงเช่น การอนุญาตให้แอปเข้าถึงพิกัดของเราได้อย่างแอปถ่ายรูปเพื่อแชร์ต่อในโลกโซเชียล หรือแอปใดๆ ก็ตามแม้ผ่านการอนุมัติจากแหล่งน่าเชื่อถือก็อาจจะเก็บและส่งข้อมูลของเราออกไปได้ รวมถึงยังมีการซิงค์โครไนซ์ข้อมูลเหล่านี้เข้ากับพวกบัญชีคลาวด์ด้วย ด้วยเหตุนี้ทาง NSA เล็งเห็นความสำคัญดังกล่าวจึงได้ออกคำแนะนำเพื่อบรรเทาปัญหาเบื้องต้นที่พอจะสรุปได้ดังนี้
- เข้าไปปิดบริการที่เกี่ยวกับพิกัดในอุปกรณ์
- ให้สิทธิ์แอปอย่างน้อยที่สุด
- ปิดสิทธิ์ในการโฆษณาต่างๆ
- ปิดการตั้งค่าที่ให้ติดตามในกรณีสูญหาย เช่น Fine MyDevice ต่างๆ
- ใช้งาน VPN
- จำกัดการเก็บข้อมูลพิกัดในคลาวด์ให้น้อยที่สุด
- จำกัดการเข้าถึงของการใช้งาน Browser บนอุปกรณ์ให้มากที่สุดด้วยการตั้งค่า Privacy Setting
- ปิด Bluetooth และ Wi-Fi เมื่อไม่มีการใช้งาน รวมถึงเปิด Airplane Mode เมื่อไม่ได้ใช้อุปกรณ์ แต่แม้กระทั่งเป็น Airplane ก็ต้องปิด Bluetooth และ Wi-Fi ด้วย
ขอขอบคุณแหล่งที่มา :
https://www.techtalkthai.com/nsa-guides-how-to-mitigate-location-tracking-by-mobile-and-iot/