เพราะเรื่องของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่ไร้ขีดจำกัดเหนือจินตนาการ บางครั้งสิ่งที่เราเห็นอยู่ในหนังวิทยาศาสตร์ Sci-Fi ที่บางคนดูเพลิน ๆ เพื่อความสนุกสนาน แล้วคิดว่าคงไม่มีทางเกิดขึ้นจริงได้ แต่ทว่าในปัจจุบันสิ่งที่อยู่ในภาพยนตร์ก็กลายเป็นความจริงมานักต่อนัก จึงเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าเรื่องราวของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้นเป็นเรื่องลึกล้ำสุดจินตนาการ และทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ ตราบใดที่มนุษย์ยังไม่หยุดคิดค้นและพัฒนา
ปัจจุบัน AI หรือปัญญาประดิษฐ์ถือเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับหลายวงการ จนนักเทคโนโลยีคนดังหลาย ๆ คน เช่น มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก, อีลอน มัสก์ ต่างกล่าวตรงกันว่า ในอนาคต AI จะเป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญต่อชีวิตของผู้คนอย่างไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
AI หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์คือตัวอย่างที่ดีอย่างหนึ่ง ซึ่งค่อย ๆ เผยให้เราเห็นว่า เทคโนโลยีอัจฉริยะสุดล้ำนี้กำลังค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในทุก ๆ วงการ ทุก ๆ ภาคส่วนในสังคม โดยปัจจุบันเรามีโอกาสได้ใช้งาน AI ในหลาย ๆ ทางด้วยซ้ำ แต่อาจจะยังไม่รู้ตัว เช่น หน้าฟีดข่าวที่เราอ่านบนสมาร์ทโฟน โปรแกรมซื้อของออนไลน์ หรือหากจะให้เห็นเป็นรูปธรรมเด่นชัด เราก็สามารถที่จะเห็นได้ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ได้มีการเปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับ ที่มีความสามารถในการขนส่งที่รวดเร็วและลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ เป็นต้น
นอกจากนี้หากมองในส่วนของอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยี AI ก็ได้เริ่มเข้าไปมีบทบาทสำคัญ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และยกระดับความปลอดภัย ตลอดจนเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การควบคุมคุณภาพของโครงการก่อสร้างเป็นไปตามมาตรฐานที่วางเอาไว้
ระบบฐานข้อมูลคือสิ่งสำคัญ
AI หรือปัญญาประดิษฐ์ คือเทคโนโลยีที่มีความเชื่อมโยงกับชุดข้อมูลในระบบฐานข้อมูล เพราะ AI จะมีลักษณะการทำงานผ่านการวิเคราะห์ข้อมูล โดยทำได้ทั้งการแก้ไขปัญหา การเรียนรู้สิ่งใหม่ รวมถึงการจดจำ ดังนั้น เครื่องจักรที่ใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาควบคุมระบบ จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างดีเยี่ยม เพราะอัลกอริทึมที่สั่งการเครื่องจักรจะสามารถเรียนรู้ได้จากข้อมูลต่าง ๆ และยิ่งข้อมูลมีมากขึ้น ก็จะทำให้ AI มีความสามารถและเข้าใจการทำงานได้อย่างลึกซึ้งซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการทำงานมากยิ่งขึ้น เพราะเครื่องจักรสามารถพัฒนาตัวเองไปได้อย่างไม่มีขีดจำกัดในอนาคต
ดังนั้น การเก็บข้อมูลจากงานก่อสร้าง ทั้งการเก็บภาพด้วยโทรศัพท์ จากโดรน เซนเซอร์ความปลอดภัย เครื่อง Telematic เทคโนโลยี building information modeling (BIM) และอื่นๆ ถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากในอนาคต เพราะป้อนข้อมูลเข้าสู่ฐานข้อมูลมากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้เทคโนโลยี AI ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างมีความฉลาดมากยิ่งขึ้น
AI กับความปลอดภัยในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง
เทคโนโลยี AI จะสามารถสร้างความปลอดภัย และส่งมอบข้อมูลที่แม่นยำ ซึ่งจะก่อให้เกิดความคุ้มค่าในงานก่อสร้าง ยกตัวอย่าง เช่น โปรแกรมจัดการรูปภาพและวิดีโอที่ถูกใช้ในบริษัทก่อสร้าง ซึ่ง AI ของโปรแกรมนี้จะมีความสามารถในการวิเคราะห์ปริมาณและจำนวนของสิ่งที่อยู่ในภาพหรือวิดีโอที่ถ่ายจากหน้างานก่อสร้าง และหากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดในพื้นที่ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตราย ก็จะมีระบบวิเคราะห์ และตรวจจับวัตถุต่าง ๆ เช่น หมวกนิรภัย เสื้อกั๊กสะท้อนแสง และจะส่งข้อมูลแจ้งเตือนไปยังหัวหน้างานภายในเวลาไม่กี่นาที ซึ่งจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุและการละเมิดกฎความปลอดภัย โดยสามารถช่วยลดความสูญเสียขณะปฏิบัติงานได้เป็นอย่างมาก
นอกจากในแง่ของความปลอดภัยที่ AI เข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมการก่อสร้างแล้ว จากการให้ข้อมูลของ ดร. ฟาเรส ไบนี่ หัวหน้าโครงการเครื่องจักรอัจฉริยะที่ Volvo CE กล่าวว่า “AI ช่วยให้คนควบคุมเครื่องจักรที่ยังไม่มีประสบการณ์สามารถทำงานที่ซับซ้อนได้”
ปฏิวัติอุตสาหกรรมก่อสร้าง
จากสำนักวิจัยหลายสำนักได้ระบุว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ระบบงานแบบใหม่จะค่อย ๆ เกิดขึ้น เมื่อ AI มีความฉลาดและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนหลาย ๆ คนเกิดความวิตกว่าสิ่งนี้จะทำให้เกิดปัญหาการตกงานของของแรงงานเป็นจำนวนมากหรือไม่?
แต่ถ้าหากเรามองโดยภาพรวมแล้ว เราจะพบว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ จะเกิดขึ้นอย่างเป็นพลวัตในทุกภาคส่วน ไม่ได้เปลี่ยนแค่จุดใดจุดเดียว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างของสังคมลักษณะเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต “เหมือนกับเมื่อครั้งที่มนุษย์รู้จักเครื่องจักรไฮดรอลิคครั้งแรก ผู้คนก็หวาดหวั่นคล้าย ๆ กับครั้งนี้ แต่นั้นมันก็เป็นโอกาสใหม่ของระบบการทำงานแบบใหม่ ซึ่ง AI ก็ไม่ต่างกัน เครื่องจักรอัตโนมัติอัจฉริยะจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในวงการอุตสาหกรรม ในขณะเดียวกันงานใหม่ ๆ ก็จะเกิดขึ้นตามมาอีกมากมาย” ดร. ฟาเรส ไบนี่ กล่าว
เรียบเรียงโดยทีมงาน Security Systems Magazine
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
www.buildernews.in.th
เครดิตรูปภาพ
www.pixabay.com
www.pexels.com