AI ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยีสู่โลกยุคใหม่ โดยสิ่งต่าง ๆ จะต้องมีความ Smart และสามารถสร้างอรรถประโยชน์ให้กับมนุษย์ได้ในทุกแง่มุม ซึ่งบ่อยครั้งก็มีข้อถกเถียงกันว่าแท้จริงแล้ว เทคโนโลยี AI นี้มีความคุ้มค่าและปลอดภัยแค่ไหนกับการที่มนุษย์จะมุ่งไปในโลกที่มี AI เป็นเหมือนเพื่อน ซึ่งการคาดการณ์ของอนาคตนั้นก็มีความคิดเห็นที่ค่อนข้างหลากหลาย แต่ในปัจจุบันเราก็ต้องยอมรับว่า AI ได้ค่อย ๆ มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ วงการ ดังกรณีตัวอย่างทั้ง 7 อุตสาหกรรมเหล่านี้ที่ AI เข้ามามีบทบาทและช่วยทุ่นแรงมนุษย์
1. การแพทย์
การนำ AI เข้ามาช่วยแพทย์ จะทำให้การวินิจฉัยโรคมีความแม่นยำมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ นำ IBM Watson เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์การรักษาโรคมะเร็ง หรือที่โรงพยาบาลเซี่ยงไฮ้ของประเทศจีน มีการใช้เทคโนโลยี AI จากบริษัท Infervison เข้ามาช่วยในการวินิจฉัยและเอ็กซเรย์โรคมะเร็งปอด และไม่เพียงแค่นี้ ยังช่วยในส่วนของเครื่องมือและบุคลากรทางการแพทย์ที่ขาดแคลนทั่วโลกด้วย
2. การเกษตร
ระบบเกษตรอัจฉริยะ หรือเรียกว่า Smart Farm มีการถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการเกษตร เพื่อเข้าช่วยเหลือการใช้แรงงานมนุษย์ และเพื่อเพิ่มผลผลิตที่มีประสิทธิภาพตัวอย่างเช่น ฟาร์มปลูกแตงกวาในญี่ปุ่นของ Makoto Koike ได้นำเทคโนโลยี Machine learning และ Deep Learning ภายใต้ระบบ TensorFlow ของ Google พร้อมด้วย Raspberry Pi 3 มาใช้ในการคัดแยกแตงกวา ซึ่งทำให้มีความถูกต้องถึง 95% มากกว่าการใช้คนที่ทำได้เพียง 70% และยังมีการคาดการณ์ว่าในปี 2050 ประชากรโลกจะมีถึง 9.8 ล้านคน ทำให้ประชากรที่อยู่ในชนบทมีความต้องการเข้าสู่ในเมืองมากขึ้น ดังนั้นจะทำให้เกิดปัญหาผลผลิตทางการเกษตรที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งสำหรับเกษตรกรบางรายในประเทศไทยก็เริ่มมีการนำเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าช่วยเหลือบ้างแล้ว
3. การประกันภัย
เทคโนโลยี AI ถือเป็นเทคโนโลยีอย่างหนึ่งซึ่งสามารถนำมาใช้ในงานประกันภัยได้ เช่น Fukoku Mutual ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยของญี่ปุ่น ได้มีการนำเอา IBM Watson ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลด้านผู้ถือกรมธรรม์ ไม่ว่าจะเป็นประวัติทางการแพทย์ การพิจารณาเงินประกันที่ต้องจ่าย ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นถึง 30% ซึ่งทำให้ลดต้นทุนลงไปถึง 140 ล้านเยนต่อไป ซึ่งสามารถทดแทนแรงงานคนได้ถึง 34 คน
4. การเงิน การธนาคาร
ต้องบอกเลยว่าธนาคารทั่วโลกส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี AI มากขึ้น และยังสามารถเข้าช่วยเหลือธุรกิจประเภทการเงินได้จริง ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศอินเดีย ที่ City Union Bank ได้นำหุ่นยนต์ชื่อว่า Lakshmi ให้เป็นผู้ช่วยลูกค้าในการแจ้งยอดเงินคงเหลือและอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งยังมีในประเทศญี่ปุ่น ที่ Bank of Tokyo Mitsubishi ใช้หุ่นยนต์ที่มีชื่อว่า Nao ช่วยวิเคราะห์การแสดงออกทางสีหน้าและพฤติกรรมการโต้ตอบของลูกค้า และในขณะที่ Capital One ธนาคารที่ตั้งอยู่สหรัฐอเมริกา ก็สามารถให้ลูกค้าพูดคุยโต้ตอบกับ Amazon Alexa ในเรื่องการตรวจสอบบัญชี หรือชำระค่าบัตรเครดิตได้ ซึ่งนี้ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยในเรื่องการตรวจสอบทางการเงิน เพื่อป้องกันการทุจริตได้ดี
5. ระบบการขนส่งสาธารณะ
เทคโนโลยี AI เป็นผู้ช่วยสำคัญในการติดตาม วิเคราะห์เส้นทางและหลบหลีกสิ่งกีดขวางให้กับการขับขี่ของมนุษย์ หากได้ติดตามข่าวไอทีในสื่อต่าง ๆ จะเห็นได้ว่ามีข่าวคราวของเทคโนโลยีไร้คนขับอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งในส่วนของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ หรือบริษัทด้านเทคโนโลยี ต่างก็มีเทคโนโลยี AI เป็นผู้ช่วยสำคัญ หรือไม่ว่าจะเป็น Waymo หนึ่งในบริษัทลูกของ Alphabet ที่ได้มีการทดสอบให้บริการรถยนต์ไร้คนขับในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา บนพื้นที่สาธารณะเป็นครั้งแรกไปเป็นที่เรียบร้อย โดยใช้เป็นมินิแวนจาก Chrysler จำนวน 500 คัน ซึ่ง Waymo ก็ได้มีการเปิดรับสมัครผู้ขับขี่ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสถึงการขับขี่รถยนต์ขับเองอัตโนมัติ และยังไม่หมดแค่นี้ ยังมี Uber ที่จัดตั้ง AI Labs ขึ้นมา เพื่อสร้างอัลกอริทึมและเทคโนโลยีสำหรับให้บริการของ Uber สามารถวิเคราะห์เส้นทางตามพื้นที่ต่าง ๆ ได้ ทำให้รู้ว่าในพื้นที่นั้นมีใครต้องการใช้รถ
6. งานก่อสร้าง
บริษัท Komatsu ของประเทศญี่ปุ่น ได้มีการนำเทคโนโลยี AI เข้าช่วยอุตสาหกรรมงานก่อสร้าง เพื่อให้มีส่วนร่วมในการทำงานและช่วยเหลือมนุษย์ อีกทั้งยังสามารถวิเคราะห์และวางแผนการก่อสร้างตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงหลังสร้าง เพื่อให้คนงานก่อสร้างได้รับคำแนะนำที่ถูกวิธี ทำให้งานออกมามีประสิทธิภาพอย่างมาก
7. อุตสาหกรรมการผลิต
ในหลายแห่งโรงงานอุตสาหกรรมได้มีการนำหุ่นยนต์เทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ผลิตแทนแรงงานมนุษย์ และที่เห็นได้ชัดเจนก็จะเป็น อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งในวันข้างหน้าอาจไม่ต้องใช้มนุษย์ในการผลิตอีกต่อไป เพราะหุ่นยนต์ทั้งหมดที่ทำงานในโรงงานผลิตรถยนต์ก็จะทำงานได้อย่างละเอียด และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังสามารถวิเคราะห์ได้ถึงความซับซ้อนของงานได้
เรียบเรียงโดย Security Systems Magazine
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
www.techhub.in.th
เครดิตรูปภาพ
www.pexels.com
www.pixabay.com