ระบบขนส่งสาธารณะที่มีความสะดวกรวดเร็วและปลอดภัยเป็นตัวเลือกที่เป็นที่นิยมอย่างมาก หากแต่ปัจจุบันการแพร่ระบาดซ้ำปรากฏขึ้นในหลายประเทศและภูมิภาค พวกเขาจะสามารถปกป้องสุขภาพของผู้โดยสารในขณะนี้ได้อย่างไรในขณะที่ทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมีประสิทธิภาพ
ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพหรือที่เรียกกันทั่วไปว่า BTS หรือรถไฟฟ้า เป็นระบบขนส่งมวลชนที่ยกระดับการเดินทางในเมืองหลวงของประเทศไทย ระบบประกอบด้วย 52 สถานี โดยมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับการขยายสายที่เพิ่มขึ้น ตามสถิติจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันสูงถึงกว่า 700,000 คนในปี 2019
หลังจากเกิดการระบาดโรค ในฐานะหนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะที่มีผู้โดยสารพลุกพล่านที่สุดในกรุงเทพฯ บีทีเอสได้ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในการดำเนินมาตรการที่เข้มงวดรวมถึงมาตรการคัดกรองอุณหภูมิ การกำหนดให้สวมใส่หน้ากาก การเช็คอินและเช็คเอาท์โดยใช้แพลตฟอร์มผ่านมือถือ และการรักษาระยะห่างทางสังคม
ความกดดันทางจราจรในช่วงการแพร่ระบาดโรค
ในช่วงเวลาเร่งด่วนเพิ่มความถี่ของรถไฟฟ้าขึ้นเป็น 1 ขบวนต่อทุกๆ 2.40 นาที สำหรับสายสุขุมวิท และทุกๆ 3.45 นาทีสำหรับสายสีลม อย่างไรก็ตามเนื่องจากจำนวนผู้โดยสารที่มีจำนวนมาก และข้อจำกัดด้านความจุของสถานที่อันเนื่องมาจากการคัดกรองอุณหภูมิ และการรักษาระยะห่างทางสังคม ระบบสามารถรองรับความต้องการได้เพียง 1 ใน 4 เท่านั้น ดังนั้นผู้โดยสารจึงได้รับผลกระทบ ทำให้เดินทางถึงช้ากว่าเวลาปกติ BTS จึงพยายามหาวิธีการทางเทคนิคเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการคัดกรองและการเดินทางให้ตรงเวลา
“ผู้โดยสารต้องใช้เวลารอนานขึ้นจากทางเข้าสถานีไปยังชานชาลารถไฟฟ้า ผ่านการคัดกรองอุณหภูมิ เข้าแถวรอและรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย” คุณสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าว “แต่ตอนนี้ เราสามารถช่วยพวกเขาประหยัดเวลาได้ด้วยการจัดหาวิธีที่รวดเร็วและง่ายขึ้นด้วยกล้องตรวจวัดอุณหภูมิของ Hikvision”
คัดกรองได้รวดเร็วขึ้น ด้วยกล้องตรวจวัดอุณหภูมิ
“ทันทีที่ฉันได้รับข้อกำหนดต่างๆจาก BTS ฉันก็รู้ทันทีว่าฉันอยากจะแนะนำกล้องวัดอุณหภูมิของ Hikvision” คุณกนกกร วลัยศรี ดำรงตำแหน่งผู้จัดการโครงการจาก Digital Focus Co. , LTD. ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่าย Hikvision ในประเทศไทย กล่าว “กล้องนี้ออกแบบมาสำหรับการวัดอุณหภูมิผิว และสามารถช่วยให้การคัดกรองเบื้องต้นในพื้นที่สาธารณะมีความปลอดภัยและแม่นยำสูง”
“ในช่วงแรก เราพบว่าวิธีการวัดอุณหภูมิแบบเดิมนั้นทำโดยเจ้าหน้าที่ที่ทางเข้าสถานีใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิแบบมือจับ และตรวจสอบผู้โดยสารทีละคน กระบวนการนี้ช้ามาก ผู้โดยสารต้องหยุดและรอการตรวจคัดกรอง”
“การใช้กล้องจับความร้อนแบบคัดกรองอุณหภูมิทำให้ผู้โดยสารสามารถผ่านจุดตรวจเช็คได้โดยไม่ต้องหยุดเป็นเวลานาน ซึ่งหมายความว่าการตรวจสอบผู้คนที่เดินผ่านนั้นรวดเร็วกว่า ง่ายกว่าและปลอดภัยกว่า เพื่อตรวจสอบว่าอุณหภูมิของพวกเขาว่าเป็นปกติหรือไม่”
ความสะดวกสบายด้วยเทคโนโลยี
ตามที่ทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) กำหนดคือ ควรติดตั้งกล้องตรวจวัดอุณหภูมิที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกแห่ง
“ก่อนอื่นเราเลือกสถานีที่มีผู้โดยสารจำนวนสูงมากเป็นการนำร่อง ซึ่งเริ่มใช้งานได้ทันทีหลังจากการติดตั้ง ผลการตรวจวัดได้รับการการันตีว่ามีความแม่นยำในการวัดอุณหภูมิได้ภายใน 0.5 องศา (เซลเซียส) เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดการคัดกรองเบื้องต้น” คุณกนกกรกล่าวเสริมว่า “นอกจากนี้เราจะดำเนินการตรวจวัดขั้นที่สองสำหรับผู้โดยสารที่อุณหภูมิที่สูงกว่าปกติโดยใช้อุปกรณ์ตรวจวัดทางคลินิก”
คุณสุรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) พบว่าผลลัพธ์จากระบบ Hikvision ยิ่งกว่าเป็นที่น่าพอใจ “เรามีความสุขมากที่ได้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้สะดวกเพียงใด เราเลือกกล้อง Hikvision และติดตั้งไว้ที่ทางเข้าทั้ง 23 สถานีของเรา ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดกรองอุณหภูมิแล้ว ยังป้องกันการสัมผัสใกล้ชิดจากการวัดอุณหภูมิแบบเดิมอีกด้วย”
Hikvision Thailand
ติดตามข้อมูลข่าวสารของ Hikvision Thailand ได้ที่
Website: https://www.hikvision.com/th/
Facebook: https://www.facebook.com/HikvisionThai/
Linked-In: https://www.linkedin.com/company/hikvision-thailand/?viewAsMember=true
Line@: hikvision_thailand
YouTube: https://www.youtube.com/c/HikvisionThailandOfficial