จีนใช้เทคโนโลยีระบบจดจำใบหน้า นำคนพลัดหลงติดตามหาญาติ

Share

Loading

เทคโนโลยีด้านการจดจำใบหน้าถือเป็นเทคโนโลยีที่สามารถจะนำมาใช้ในการติดตามหาบุคคลเป้าหมาย แต่ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องนำไปใช้ในเชิงอาชญากรรมเสมอไป เพราะเรายังสามารถนำไปช่วยเพื่อติดตามตัวคนหายได้อีกด้วย

โดยสำนักข่าวซินหัวได้รายงานถึงประโยชน์ของการใช้ระบบจดจำใบหน้า ซึ่งแผนกสอบสวนคดีอาญาแห่งสำนักงานความมั่นคงสาธารณะหางโจวได้นำมาใช้งาน ซึ่งนอกเหนือไปจากงานด้านอาชญากรรม นั้นก็คือการติดตามหาผู้ที่สูญหาย

ซึ่งในกรณีนี้สามารถทำให้ผู้ที่พลัดหลงจากญาติเป็นเวลานานสามารถกลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง

ภาพจากสำนักข่าวซินหัว
ภาพจากสำนักข่าวซินหัว

เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2012 เมื่อทางการได้รับตัวของหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งหูหนวกและเป็นใบ้ ไม่สามารถพูดคุย และเขียนหนังสือ หรือสื่อสารใด ๆ ได้เลย

แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะทำการติดตามหาญาติของเธอเป็นเวลานานถึง 8 ปี แต่ก็ไม่พบเบาะแสใด ๆ จนกระทั่งปลายปี 2020 ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีระบบประมวลผลด้านการจดจำใบหน้ามาใช้ ซึ่งก็สามารถทำให้สืบคนและระบุชื่อจริงของหญิงคนนี้ได้ โดยเธอมีชื่อว่า หูหมิงเซียน พื้นเพเป็นคนเจียซิง มณฑลเจ้อเจียงซึ่งอยู่ทางตะวันออกของจีน

และเมื่อติดตามหาญาติเธอจนพบ ก็ทำให้ทราบว่าเธอได้หายตัวไปจากบ้านตั้งแต่ปี 2005 ซึ่งที่ผ่านมาสามีและลูกสาวได้พยายามติดตามหาเธออยู่นานถึง 16 ปี แต่ก็ไร้ร่องรอย เนื่องจากเธอมีข้อจำกัดทางด้านการสื่อสารจึงไม่สามารถให้ข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับตัวเองได้ สิ่งนี้จึงเป็นอุปสรรคสำคัญในการระบุตัวตนเพื่อให้การค้นหาเกิดความสำฤทธิ์ผลได้

จนกระทั่งเมื่อได้มีการนำเอาเทคโนโลยีระบบการประมวลผลด้านการจดจำใบหน้ามาใช้ จึงทำให้ติดตามหาญาติได้สำเร็จ

ภาพจากสำนักข่าวซินหัว

ซึ่งเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2021 ลูกสาวทั้งสองของเธอก็ได้มายื่นเรื่องติดต่อที่สถานีจัดการเหตุฉุกเฉิน เพื่อขอรับตัวแม่ของเธอกลับไป และครอบครัวก็ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาในช่วงตรุษจีนปีนี้

โดยจากข้อมูลการดำเนินงานของสถานีจัดการเหตุฉุกเฉินระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2018 ที่ทางหน่วยงานได้ลงนามข้อตกลงร่วมกับแผนกสอบสวนคดีอาญาในการที่จะนำเอาเทคโนโลยีระบบประมวลผลด้านการจดจำใบหน้ามาใช้ เพื่อติดตามหาญาติของผู้สูญหาย ซึ่งโครงการนี้ได้ช่วยเหลือกรณีคนพลัดหลงที่อยู่ในเมืองหางโจวได้ถึง 71 ราย ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถที่จะยืนยันตัวตนและกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวได้อีกครั้ง

แต่ในขณะเดียวกัน แม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะมีประโยชน์มากก็ตาม แต่ก็ยังถือเป็นเทคโนโลยีที่อาจจะใช้ได้อย่างเต็มที่เฉพาะในประเทศที่รัฐบาลมีอำนาจเด็ดขาด เช่น ในประเทศจีน ส่วนสำหรับในประเทศที่แตกต่างออกไป เช่น ในยุโรป อเมริกานั้น ยังคงมีข้อจำกัด และข้อถกเถียงกันมากถึงเรื่องการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

ซึ่งปัจจุบันนี้ถือเป็นจุดคาบเกี่ยวที่หลาย ๆ ประเทศกำลังสร้างจุดลงตัวให้กับเทคโนโลยีชนิดนี้ต่อไป

เรียบเรียงโดย
SmartCityThailand.com