Internet of Things หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า IoT ถือเป็นเทคโนโลยีสำคัญในการก่อเกิดของอรรถประโยชน์ใหม่ ๆ ที่ทำให้การดำเนินชีวิตของมนุษย์มีความสะดวกและปลอดภัยสบายยิ่งขึ้น เพราะ IoT ถือเป็นการนำเอาเทคโนโลยีที่หลากหลายมาทำงานร่วมกัน ทำให้การดำเนินชีวิตมีความสะดวกสบาย ปลอดภัย และยังเป็นลดภาระของมนุษย์ให้น้อยลง โดยการนำเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วย
ซึ่งถ้าหากจะว่ากันตามจริงแล้ว IoT ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเป็นแนวคิดที่มีมานานแล้ว เพียงแต่พึ่งจะมาได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในยุคนี้ ซึ่งบริบทของเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่แวดล้อมอยู่ได้มีการยกระดับขึ้น เช่น ระบบการประมวลผล และการส่งข้อมูลแบบ 5G ซึ่งทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าในอดีต
เทคโนโลยี 5G
เทคโนโลยี 5G ถือเป็นเทคโนโลยีแวดล้อมที่สำคัญของ IoT โดยสิ่งนี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้ IoT มีการพัฒนาตัวเองไปอย่างก้าวกระโดด โดยในประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีแผนในการให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์ ซึ่งเมื่อดูจากแผนฯ ของคณะกรรมการขับเคลื่อน 5G แห่งชาติแล้ว ก็ทำให้คาดคะเนได้ว่าเครือข่าย 5G จะเข้าถึงประชากรร้อยละ 98 ได้แก่ ทุกพื้นที่ของเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ EEC และจังหวัดที่ได้รับการประกาศให้เป็น Smart City ภายในปี 2570
สิ่งนี้จะทำให้เกิดการประมวลผลของข้อมูลมหาศาล ภายใต้ประสิทธิภาพของเทคโนโลยี 5G ซึ่งมีแบนด์วิดธ์ที่สูงกว่าเดิม และการหน่วงของเวลามีน้อยลง โดยเมื่อมีการผสมผสาน 5G และ edge computing เข้าด้วยกัน ก็จะทำให้เกิดการใช้งานและสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
ตัวอย่างการใช้งานหลาย ๆ รูปแบบภายใต้ IoT
การตรวจสอบจากระยะไกล
สำหรับงานช่างในหลาย ๆ ประเภทนั้น ถือว่าเป็นงานที่มีความยากลำบากในการเข้าถึงพื้นที่หน้างาน เช่น เสาไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้า หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่กระจายอยู่ในจุดต่าง ๆ ที่มีระยะทางห่างไกล หรือสูงมาก ๆ ซึ่งงานเหล่านี้มักจะประสบกับปัญหาค่าใช้จ่ายและต้องใช้ทรัพยากรเป็นจำนวนมาก เพื่อการตรวจสอบและบำรุงรักษา แต่ 5G จะสามารถทำให้เราใช้โดรนหรือกล้องควบคุมระยะไกลในการตรวจสอบพื้นที่ โดยอาจจะส่งข้อมูลกลับมาเป็นภาพนิ่ง วิดีโอ หรือข้อมูลเซ็นเซอร์อื่น ๆ ไปยัง AI ในระบบคลาวด์ ซึ่งระบบเหล่านี้จะตรวจสอบและแจ้งปัญหาให้ทราบโดยอัตโนมัติ
การจัดการอาคารและสถานที่
เราสามารถที่จะนำเอา IoT มาใช้งานเพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ในอาคาร ซึ่งจะทำให้เกิดโซลูชันใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ประหยัดพลังงาน บริหารจัดการพื้นที่ง่ายขึ้น ดูแลเรื่องความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเราสามารถที่จะใช้ได้ทั้งในอาคารที่พักอาศัย ตลอดไปจนถึงสถานที่ขนาดใหญ่ เช่น สนามกีฬา สนามบิน บขส. โรงเรียน โรงแรม เป็นต้น
ยานยนต์อัจฉริยะ
ด้วยเทคโนโลยี 5G จะทำให้เกิดการรวบรวมข้อมูลจำนวนมากของรถยนต์อัจฉริยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยแบนด์วิดธ์ที่มากขึ้น และความหน่วงของเวลาที่ลดลง จะทำให้เกิดการสื่อสารแบบสองทาง ทำให้สามารถแชร์ข้อมูลของรถแต่ละคันที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งจะเป็นการขยายขอบเขตการรับรู้จากเซ็นเซอร์จำนวนมากที่รวบรวมมาจากรถแต่ละคัน ทำให้สามารถบริหารจัดการเส้นทางและการจราจรได้ดีขึ้น หรือสามารถพัฒนาไปสู่ระบบยานยนต์ไร้คนขับ ที่มีความสะดวกรวดเร็ว และปลอดภัย
การขนส่งและโลจิสติกส์
การควบคุมตรวจสอบและคาดการณ์ระบบโลจิสติกส์จะทำได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ด้วยความสามารถในการติดตามการขนส่งสินค้า และรวบรวมข้อมูลจำนวนมาก เพื่อนำมาประมวลผล
เกษตรกรรม
สำหรับการใช้เทคโนโลยี IoT เพื่อการเกษตร จะทำให้สามารถเข้าถึงปัจจัยในการควบคุมกระบวนการต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น สำหรับการเพาะปลูกและดูแลพืชผลทางการเกษตร เช่น การใช้โดรนในการบินสำรวจพื้นที่ ให้ปุ๋ย และสารควบคุมแมลงหรือกำจัดวัชพืช ตลอดไปจนถึงการทำระบบบริหารจัดการน้ำอัจฉริยะที่จะสามารถให้น้ำในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับพืชผลทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างของเทคโนโลยี IoT ที่จะเกิดขึ้น ภายใต้การมาถึงของ 5G โดยเชื่อได้แน่ว่ายังจะมีเทคโนโลยีอีกหลาย ๆ อย่างที่จะสามารถพัฒนาให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น หรือกระทั้งเกิดนวัตกรรม IoT ใหม่ ๆ มากมายที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่ง 5G มีบทบาทสำคัญในการทำให้สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มีความเป็นไปได้ และเกิดขึ้นจริงในอนาคต
เรียบเรียงโดย SmartCityThailand.com