เรียกได้ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตของจีนมีการขยายตัวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งก่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมหาศาลโดยศูนย์ข้อมูลต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ประเทศจีนได้มีแนวคิดในการที่มุ่งแสวงหาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ซึ่งจากการข้อมูลในปี 2020 ระบุว่า ศูนย์ข้อมูลด้านอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตได้ใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่า 2 แสนล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง หรือราว ๆ 2.7 เปอร์เซ็นต์ของการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศ ซึ่งมีการประเมินว่าความต้องการด้านพลังงานไฟฟ้าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมอินเตอร์เน็ต โดยในปี 2030 ความต้องการด้านพลังงานไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.7 เปอร์เซ็นต์ หรือ 4 แสนล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงเลยทีเดียว
ศาสตราจารย์หวังหยวนเฟิ่ง แห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ การใช้ไฟฟ้าอาจจะเติบโตเป็นเท่าตัวภายใน 7-8 ปี จนทำให้อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตกลายเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานมหาศาล”
สิ่งเหล่านี้จึงถือเป็นโจทย์สำคัญที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญจะต้องพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทที่ประกอบการด้านอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตจะต้องตื่นตัวและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของการดำเนินอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การพัฒนาสู่อุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ อาทิ หัวเหวย และเทนเซนต์ ต่างขานรับกับนโยบายและพยายามลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตให้เป็นศูนย์
โดยในงานมหกรรมด้านเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ Mobile World Congress Shanghai 2021 หัวเหวยเปิดเผยว่าได้มีการลดขนาดของสถานีฐาน ห้องเซิร์ฟเวอร์ ศูนย์ข้อมูล และเพิ่มอัตราทดแทนด้วยพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งหัวเหวยยังได้นำเอาเทคโนโลยีทำความเย็นที่อาศัยการระเหยของน้ำทางอ้อม (indirect evaporative cooling) มาใช้ จนสามารถที่จะประหยัดพลังงานไปได้ถึง 17 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับระบบทำความเย็นด้วยน้ำแบบเก่า
ศูนย์ข้อมูลเทนเซนต์ ชิงหย่วนที่มีการใช้พลังงานต่ำ
ซึ่งเริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2020
ส่วนเทนเซนต์เองได้วางนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม โดยเลือกที่จะสร้างศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคที่มีพลังงานสีเขียวเพียงพอ เช่น ในอำเภอหวยไหลของมณฑลเหอเป่ยทางตอนเหนือ ซึ่งมีการผลิตไฟฟ้าจากแรงลมอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงที่เมืองชิงหย่วนของมณฑลกว่างตงทางตอนใต้ ที่มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำอย่างเหลือเฟือ
นโยบายแห่งชาติ
ในปี 2019 กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักบริหารสำนักงานรัฐบาลแห่งชาติ และสำนักบริหารพลังงานแห่งชาติของจีน ได้ร่วมกันออกแนวปฏิบัติเพื่อส่งเสริมศูนย์ข้อมูลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งกำหนดแนวทางเอาไว้ว่าศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่สร้างใหม่ควรมีค่าพียูอีไม่เกิน 1.4 ภายในปี 2022
แผงโซลาร์เซลล์ในฐานอุตสาหกรรมบูรณาการการเกษตร-พลังงานแสงอาทิตย์หนิงเซีย
ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหัวเหวย เทคโนโลยี
ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบัน เราจึงพบว่าในอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตได้พัฒนาไปสู่แนวทางที่สอดคล้องกับนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยคาร์บอน รวมถึงยังได้มีการพยายามนำเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วย เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์, ระบบจัดเก็บและประมวลผลวิเคราะห์ข้อมูล ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการกระบวนการทำงานในระบบอุตสาหกรรม
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นการตื่นตัวของประเทศจีนในด้านของอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นโจทย์ใหญ่สำคัญของประเทศขนาดใหญ่ และมีอัตราความเจริญก้าวหน้าของเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด
เรียบเรียงโดย SmartCityThailand.com
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม สำนักข่าวซินหัว