ข้อมูลจากคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระบุว่า มนุษย์เรามีเวลา 10 ปี ในการป้องกันไม่ให้เกิดหายนะจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อสรรพสิ่งที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ เพราะทุกๆ ปี คาร์บอนไดออกไซ์กว่า 51,000 ล้านตัน ถูกปล่อยออกมาโดยมนุษย์ โดยเพิ่มขึ้นตั้งแต่ยุคก่อนอุตสาหกรรม กระทั่งเกินความสามารถตามธรรมชาติของโลกในการดูดซับมัน
ปัจจุบันการปลูกต้นไม้เป็นวิธีที่เร็วและถูกที่สุดในการกักเก็บคาร์บอน โดยเฉพาะการปลูกต้นไม้หลายพันล้านต้นในแต่ละปี จะทำให้เราสามารถรับมือกับเกี่ยวกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศได้ แต่การจะบรรลุเป้าหมายนั้นได้ การปลูกป่าด้วยวิธีดั้งเดิมอาจชักช้าไม่ทันการณ์ ดังนั้น Flash Forest สตาร์ทอัพดาวรุ่งจากแคนาดา จึงผุดไอเดียปลูกป่าอัตโนมัติโดยระดมสรรพเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ โดยมีโดรนทำหน้าที่หว่านพืชหวังผล ด้วยการตั้งเป้าปลูกต้นไม้ 40,000 ต้น ภายในหนึ่งเดือน บนผืนป่าทางตอนเหนือของโตรอนโตที่ถูกไฟป่าเผาไหม้จนวอดวาย และภายในปี 2028 หรือในอีกราว 7 ปีข้างหน้า คาดว่าจะปลูกต้นไม้ได้มากถึง 1,000 ล้านต้น เลยทีเดียว
Bryce Jones ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Flash Forest
Flash Forest เป็นสตาร์ทอัพปลูกป่าที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปี 2019 มีความเชี่ยวชาญด้านการปลูกป่าด้วยโดรนรายแรกและรายใหญ่ที่สุดของแคนาดาที่ใช้ฮาร์ดแวร์ UAV (ย่อมาจาก Unmanned Aerial Vehicle หรืออากาศยานไร้คนขับ/โดรน) ผนวกกับปัญญาประดิษฐ์ซอฟต์แวร์การทำแผนที่ทางอากาศ และเทคโนโลยีเมล็ดพันธุ์ชีวภาพเพื่อปลูกป่าในพื้นที่ด้วยระบบอัตโนมัติอย่างรวดเร็วทั่วโลก โดยจุดเริ่มต้นเกิดจากการที่ทีมผู้ก่อตั้งเล็งเห็นว่าอุตสาหกรรมไม้ได้ออกแบบและควบคุมเทคโนโลยีการเก็บเกี่ยวที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถทำได้อย่างรวดเร็วโดยมีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องน้อยที่สุด ในทางกลับกันการปลูกต้นไม้ยังคงดำเนินการโดยใช้ต้นกล้าและพลั่ว
“โลกของเราสูญเสียต้นไม้ถึง 13,000 ล้านต้นต่อปี และมีการปลูกต้นไม้คืนน้อยกว่าครึ่งหนึ่งที่เสียไป เราเริ่มต้น Flash Forest ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนประการหนึ่งนั่นคือการรักษาปอดของโลกใบนี้ จนกว่าภารกิจนี้จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เราไม่มีงานอื่นที่สำคัญไปกว่านี้แล้ว แต่แทนที่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมนุษย์ที่อยู่บนพื้นดิน เราถ่ายโอนแรงงานหนักไปที่โดรนด้วยความเร็วในการปลูกป่ามากกว่า 10 เท่า เมื่อเราอยู่ในยุคแห่งเทคโนโลยี เราสามารถควบคุมการปลูกป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศทั้งหมด การฟื้นฟูป่าไม้ที่สูญเสียไปแล้วนั้น โดรนสามารถทำงานได้รวดเร็วและราคาถูกกว่ามนุษย์ที่ปลูกด้วยพลั่ว โดยเราทำงานอย่างใกล้ชิดกับนักพฤกษศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้และจะใช้เทคโนโลยี UAV การทำแผนที่หลายมุมมองเพื่อเลือกพื้นที่เพาะปลูกที่เหมาะสม และให้ข้อมูลการติดตามการปลูกและการเจริญเติบโตของต้นไม้ ทั้งหมดล้วนมีคุณค่าต่อสุขภาวะของระบบนิเวศทั้งสิ้น” Bryce Jones ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Flash Forest ซึ่งมีพื้นฐานด้านวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ปริญญาตรีสาขานิเวศวิทยาและภูมิหลังด้านป่าไม้
ในเมื่อเราจำเป็นต้องปลูกป่าใหม่ให้หนาแน่นในช่วงเวลาสั้นๆ จะมีอะไรที่รวดเร็วไปกว่าการใช้โดรน โดยเฉพาะโดรนของ Flash Forest ที่พัฒนามาเพื่อภารกิจนี้โดยตรง ทำให้สามารถปลูกต้นไม้ได้เร็วกว่ามนุษย์อย่างเห็นได้ชัดเจน ด้วยการปลูกพันธุ์ไม้ตามธรรมชาติ ทำให้มีอัตราการกักเก็บคาร์บอนสูง เทคโนโลยี จะแสดงสถานที่ปลูกที่ดีที่สุดและมีความหนาแน่นในการปลูกเฉลี่ย 1,000-2,000 ต้น/ฮกตาร์ (6.25 ไร่) และหากปลูกแบบเต็มกำลัง จะปลูกต้นไม้ได้ ถึง 100,000 ต้น/วันเลยทีเดียว
การฟื้นตัวของระบบนิเวศจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ Flash Forestจึงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มจำนวนสายพันธุ์ที่ปลูกในทุกพื้นที่ โดยมีต้นไม้อย่างน้อย 15 สายพันธุ์สำหรับการปลูก อาทิ White Pine, Red Pine, White Spruce, Coastal Douglas Fir, Western hemlock, Interior Douglas Fir, Hybrid Spruce, Acacia Koa, Pili Grass, Mamane, Aalii, Kolea, Papala, Kepau, Akoko, Naio และอื่นๆ
Flash Forest ยังทำงานร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมและองค์กรเพื่อปลูกต้นไม้ในนามขององค์กรซึ่งช่วยให้พวกเขาปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาในการฟื้นคืนผืนป่าหรือลดปริมาณคาร์บอน ขณะที่หน่วยงานภาครัฐก็เป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายสำคัญของบริษัทฯ ที่่ Go Green อย่างจริงจัง ด้วยการตั้งเป้่าที่จะปลูกต้นไม้จำนวนมาก เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมืองหรือประเทศมากขึ้น แต่กลับประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน ทั้งยังต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูง แต่ด้วยเทคโนโลยีของ Flash Forest ทำให้เสียค่าใช้จ่ายน้อยลงอย่างมาก ในขณะที่สามารถปลูกป่าได้เร็วกว่า และปลอดภัยกว่าวิธีการแบบเดิมๆ
ป่าด้านกรรมวิธีการปลูกป่าของ Flash Forest ก็ไม่ธรรมดา เพราะสลับซับซ้อนกว่าการปลูกต้นไม้ทั่วไป ใช้เมล็ดพันธุ์ที่จะปลูกอย่างน้อย 3 เมล็ด เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มทางรอด และยังใช้แตกต่างกัน 4-8 สายพันธุ์ เพื่อสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ และระบบนิเวศที่ดี ทั้งหมดรวมอยู่ด้วยกันกับปุ๋ยชีวภาพไมคอร์ไรซา และสูตรลับเฉพาะที่เป็นเอกสิทธิ์ของบริษัทฯ ผสมผสานกลายเป็น “เมล็ดพันธุ์พิเศษ” ที่อยู่ในรูปทรงของฝักกลมๆ มีคุณสมบัติกักเก็บความชื้นได้ดี ทำให้เมื่องอกเงยเป็นต้นกล้า จึงสามารถอยู่รอดได้แม้จะมีภัยแล้งหลายเดือน เมล็ดพันธุ์พิเศษนี้จึงเปรียบเสมือนกระสุนที่ทรงพลานุภาพแห่งการเติบโต และจะถูกกราดยิงลงไปฝังในผืนดินโดยโดรนด้วยความเร็ว 1 เมล็ด/วินาที ซึ่งมีความรวดเร็วและแม่นยำในระดับสูง
จุดเด่นของเมล็ดพันธุ์พิเศษนี้คือสามารถผลิตได้จำนวนมากภายในหนึ่งเดือน ในขณะที่ต้นกล้าใช้เวลาดูแลอย่างเข้มข้น นานราว 1-2 ปี ในเรือนเพาะชำก่อนที่จะนำไปปลูกได้ ทำให้ Flash Forest สามารถปลูกป่าได้อย่างรวดเร็วและมีต้นทุนเพียง 20% ของต้นกล้า
ปัจจุบันเทคโนโลยีของ Flash Forest สามารถปลูกได้ 10,000-20,000 ต้น/วัน ในขณะที่เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น โดรนคู่หนึ่งจะสามารถปลูกต้นไม้ได้ 100,000 ต้นในหนึ่งวัน เมื่อเทียบกับมนุษย์ที่ช่ำชองอาจปลูกต้นไม้ได้ประมาณ 1,500 ต้น/วันเท่านั้น
เมื่อเริ่มทำการปลูก Flash Forest จะส่งโดรนทำแผนที่ไปสำรวจพื้นที่ก่อนโดยใช้ซอฟต์แวร์เพื่อระบุสถานที่ที่ดีที่สุดในการปลูกโดยอิงจากดินและพืชที่มีอยู่ จากนั้นโดรนฝูงหนึ่งจะเริ่มทิ้งเมล็ดพันธุ์พิเศษอย่างแม่นยำ ในบางพื้นที่ที่ภูมิประเทศเป็นเนินเขาหรือในป่าชายเลน โดรนจะใช้อุปกรณ์ยิงแบบนิวเมติก (Pneumatic: ระบบการส่งกำลังจากต้นทางไปยังปลายทางโดยอาศัยลมเป็นตัวกลางในการส่งกำลังและควบคุมการทำงานด้วยระบบลม) เพื่อยิงเมล็ดพันธุ์พิเศษให้ฝังลึกลงไปในดิน ซึ่งด้วยอานุภาพของโดรน ทำให้สามารถปลูกป่าได้ในพื้นที่ๆ ยากลำบาก และมีข้อจำกัดสูงได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับการที่มนุษย์จะดั้นด้นเข้าไปปลูกเองด้วยมือ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากเกินกำลังหรือเป็นไปไม่ได้เลย อีกทั้งด้วยเมล็ดพันธุ์พิเศษนี้ เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้สามารถปลูกต้นไม้จำนวนมากได้โดยง่าย และปล่อยให้บางส่วนอยู่รอดตามธรรมชาติ
หลังจากปลูกป่าแล้ว Flash Forest จะกลับไปติดตามความคืบหน้าของต้นกล้าว่ามีอัตราการเติบโตอย่างไร เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ โดยจะขึ้นอยู่กับพื้นที่ปลูกป่าแต่ละแห่ง โดยเบื้องต้นจะกลับไปติดตามหลังจากที่ปลูกแล้ว 2 เดือน หลังจากนั้นอาจจะกินเวลานาน 1-2 ปี และทอดระยะเวลาห่างมากขึ้นเป็น 3-5 ปี
ในอนาคต Flash Forest จะเริ่มโครงการฟื้นฟูป่าที่ฮาวายในปลายปีนี้ โดยมีแผนจะปลูกต้นไม้ 300,000 ต้นที่นั่น นอกจากนี้ยังวางแผนใช้โดรนปลูกต้นไม้ในออสเตรเลีย โคลอมเบีย และมาเลเซีย อีกด้วย
ที่มา : These drones will plant 40,000 trees in a month. By 2028, they’ll have planted 1 billion
แหล่งข้อมูล
https://www.salika.co/2021/02/28/flash-forest-drone/