- เปรียบเทียบราคาระหว่างรถยนต์ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันและค่าไฟฟ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ต่างกันครึ่งต่อครึ่ง
- ข้อดีข้อด้อยของเครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบ 100% ไม่มีการใช้งานน้ำมันเลยเป็นอย่างไร
- หากต้องซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ต้องคำนึงถึงแท่นชาร์จที่ต้องติดตั้งภายในบ้าน ซึ่งต้องมีสถานที่พร้อมพอสมควร
ทำความรู้จักรถยนต์ไฟฟ้า
รถยนต์ไฟฟ้า Electric Vehicles หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า รถ EV เป็นประเภทรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟ ซึ่งปัจจุบันก็แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ แบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด (ผสมผสานระหว่างไฟฟ้าและน้ำมัน) และแบบ Battery Electric Vehicle (ใช้พลังงานไฟฟ้า 100%) ในการชาร์จไฟ 1 ครั้งสามารถวิ่งได้ประมาณ 250-300 กิโลเมตร
โดยบทความนี้เราขอเน้นไปที่รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ที่ใช้ไฟฟ้า 100% เพื่อเทียบข้อดีข้อเสียชัดเจนระหว่างรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ใช้น้ำมัน
ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า
1. ไม่สร้างมลพิษ เมื่อรถยนต์ไม่มีการสันดาปเชื้อเพลิง ไม่ก่อให้เกิดควันที่นำไปสู่ภาวะโลกร้อน
2. ส่งแรงบิดทันใจ ไม่ต้องรอรอบเครื่อง ออกตัวรวดเร็วมากขึ้น
3. ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงน้อย เพราะรถยนต์ไฟฟ้ามีชิ้นส่วนกลไกน้อยกว่า
4. เครื่องยนต์เงียบ เมื่อรถยนต์ไม่เกิดการสันดาป ใช้เพียงพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่สู่มอเตอร์เพื่อขับเคลื่อนเครื่องยนต์ จึงไม่มีเสียงดังกระหึ่มแบบรถยนต์ปกติ
5. ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง ข้อนี้เราอ้างอิงจากเว็บไซต์ driveelectric ระบุว่า การขับรถด้วยรถยนต์ไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเพียง 1 บาทต่อกิโลเมตร หากเทียบกับปัจจุบันราคาน้ำมันจะเฉลี่ย 1 ลิตร (โซฮอลล์ 95 เราให้ราคาถ้วนๆ เพื่อการคำนวณง่ายๆ คือ 31 บาท) วิ่งในระยะทางตรงได้ 15 กิโลเมตรต่อลิตร เท่ากับว่ามีค่าใช้จ่าย 2.06 บาทต่อกิโลเมตร
**การคำนวณตัวเลขค่าใช้จ่ายรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเพียงตัวเลขคร่าวๆ ยังไม่รวมปัจจัยอื่นๆ เช่น รถติด เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ ราคาค่าไฟของแต่ละประเทศ และลักษณะการขับขี่ของแต่ละบุคคล
ข้อเสียของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
1. ยังไม่แพร่หลาย ราคาของรถยนต์ประเภทนี้จึงยังแพงเมื่อเทียบกับรถยนต์ใช้เชื้อเพลิงทั่วไป
2. จุดชาร์จพลังงานไม่กระจายเหมือนกับปั๊มน้ำมัน ส่วนใหญ่จะอยู่แค่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และปั๊มน้ำมันบางแห่ง
3. นอกจากจะต้องซื้อรถยนต์ราคาแพงแล้ว ยังต้องซื้อแท่นชาร์จสำหรับติดตั้งที่บ้านอีกด้วย ราคามีตั้งแต่ 15,000-100,000 บาท
4. ใช้เวลาการชาร์จไฟนาน เทียบการเติมน้ำมัน 1 ครั้ง ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย แต่สำหรับรถ EV ใช้เวลามากกว่า 6 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับตัวควบคุมการดึงพลังงานไฟฟ้าจากตัวรถ
ชาร์จไฟบ้านได้ไหม
คำตอบคือได้แน่นอน เพียงแต่ต้องมีแท่นชาร์จที่ซื้อมาต่างหาก เหมือนมีปั๊มน้ำมันในบ้านนั่นเอง โดยต้องเลือกจุดติดตั้งใกล้ตู้เมนไฟฟ้าในบ้าน มีหลังคาป้องกันฝนและความชื้น อีกทั้งจุดชาร์จกับตัวรถไม่ควรห่างกันเกิน 5 เมตร เรียกว่าสถานที่ต้องพร้อม เลือกเครื่องชาร์จให้เหมาะกับมิเตอร์ไฟ และเต้ารับต้องติดตั้งใหม่เฉพาะการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น
ขับรถ EV ยังต้องคำนึงหลายปัจจัย
อย่างที่บอกมีน้อยและใช้เวลาชาร์จนานพอสมควร การจะออกจากบ้านแต่ละครั้งอาจต้องคำนวณระยะทาง บวกกับปัจจัยรถติด แถมอีกอย่างคืออากาศร้อน ตัวเลขการคำนวณค่าใช้จ่ายที่กล่าวมาข้างต้นเป็นการคำนวณของประเทศที่มีอากาศเย็น เครื่องปรับอากาศอาจไม่ได้รวมในปัจจัยด้วย แต่ประเทศเราเป็นประเทศอากาศร้อน (ม๊ากมาก) การใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนก็รวมการใช้เครื่องปรับอากาศเข้าไปด้วย ก็ย่อมเพิ่มการใช้พลังงานมากขึ้นไปอีก
แต่หากต้องหาสถานีชาร์จไฟฟ้านอกบ้าน การไฟฟ้านครหลวงก็ได้ทำแอปพลิเคชัน MEA EV เพื่อบอกตำแหน่งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าทั่วประเทศไทย ว่ามีอยู่ตรงไหนบ้าง โดยปัจจุบันมีตามศูนย์การค้าใหญ่ๆ และปั๊มน้ำมันในกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑลเท่านั้น.
แหล่งข้อมูล https://www.thairath.co.th/news/auto/tips/2226252