บริษัท Meta (Facebook) ได้ออกมาประกาศว่า จะลบข้อมูลจากระบบจดจำใบหน้า (Facial Recognition) ทั้งหมด กว่าพันล้านคนบนเทมเพลตออก และจะปิดการให้บริการระบบ Facial Recognition บน Facebook
แม้กระทั่งผู้ที่เปิดฟีเจอร์นี้ไว้ให้สามารถจดจำใบหน้าและแท็กชื่อได้อัตโนมัติ ก็จะไม่สามารถใช้ได้แล้วเช่นกัน
โดยระบบ Facial Recognition นี้ ได้เปิดใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 และในปี ค.ศ. 2019 จึงได้เปิดให้ผู้ใช้งานเลือกได้ว่าจะอนุญาตให้มีการจดจำใบหน้าและแท็กชื่ออัตโนมัติได้หรือไม่
แต่ถึงแม้ผู้ใช้งานจะสามารถเลือกปิดระบบ Facial Recognition ได้เอง ทาง Facebook ก็ยังคงเผชิญหน้ากับคำวิพากษ์วิจารณ์มากมายเกี่ยวกับระบบดังกล่าว ทั้งในเรื่องจริยธรรมทางเทคโนโลยี, ความเป็นส่วนตัว, ความอคติทางเชื้อชาติ และความถูกต้องแม่นยำของการระบุตัวบุคคล
ซึ่งที่ผ่านมา มีผลการศึกษามาระบุว่า อัลกอริทึม Facial Recognition ของ Facebook นั้นมีความแม่นยำในการจดจำใบหน้าไม่เท่ากัน ระหว่างคนผิวขาวและผิวดำ โดยมีแนวโน้มว่าคนผิวดำจะถูกระบุผิดมากกว่า
อีกทั้งทาง Facebook ยังเคยจ่ายค่าปรับให้กับข้อพิพาททางกฎหมายเกี่ยวกับเทคโนโลยี Facial Recognition ในปีที่ผ่านมาด้วย
จากเรื่องเหล่านี้ ก็ทำให้ทาง Meta (Facebook) ซึ่งเป็นเจ้าของ Instagram และ Whatsapp ด้วย ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากหน่วยงานกำกับดูแลและนักการเมือง จนต้องยกเลิกระบบ Facial Recognition บนแพลตฟอร์ม ไปในท้ายที่สุด
นอกจากนี้ บริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น Amazon และ Microsoft ก็ได้ยกเลิกการขายผลิตภัณฑ์ประเภท Facial Recognition ให้กับหน่วยงานตำรวจเพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติงาน เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว ยังคงเป็นที่โต้เถียงกันในสังคมอยู่ในหลายประเด็น
แหล่งข้อมูล
https://www.facebook.com/1387231808035873/posts/4424832204275803/