ล่าสุด Starbucks ได้เปิดตัวร้านกาแฟแห่งใหม่แบบไร้แคชเชียร์ ที่ได้นำเทคโนโลยี Cashierless มาช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อกาแฟและอาหารด้วยความรวดเร็ว โดยเป็นความร่วมมือกับ Amazon บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ที่มีร้านสะดวกซื้อแบบไร้พนักงาน “AmazonGo” เป็นของตัวเอง และมีบริการขายโซลูชันดังกล่าวให้กับบริษัทภายนอก
การที่ Starbucks จับมือกับ Amazon ถือเป็นกลยุทธ์ใหม่ในการปรับตัวของทางบริษัท ที่ต้องการจะนำเทคโนโลยี Cashierless ที่มีอยู่ใน AmazonGo ไปปรับใช้กับร้านค้าในที่ต่าง ๆ ที่ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการซื้อเปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทาง Starbucks ได้เคยออกมาประกาศแล้วว่า กำลังเร่งฝีเท้าในการปรับเปลี่ยนรูปแบบร้านค้าในสหรัฐฯ ด้านสาเหตุที่ต้องทำ ก็เพราะวิกฤติโควิด ที่ทำให้พฤติกรรมการซื้อและดื่มกาแฟนั้นเปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าว รวมไปถึงการปิดร้านค้าเดิมมากถึง 400 สาขา ภายใน 18 เดือน แต่ในขณะเดียวกัน ก็เปิดสาขาแบบ Pick-up ในบริเวณที่มีคนหนาแน่น และเพิ่มจำนวนร้านค้าแบบ Drive-thru ในพื้นที่ชานเมือง
โดยร้าน Starbucks Pickup ที่ร่วมมือกับ AmazonGo สาขาแรก ก็ได้เปิดตัวขึ้นในวันนี้ ที่นิวยอร์ก ซึ่งก็มีป้ายด้านนอกที่มีโลโกของทั้ง 2 บริษัท
ลูกค้าจะต้องใช้รูปแบบการจ่ายเงินของ Amazon ทั้งในรูปแบบการจ่ายผ่านแอปฯ Amazon หรือ AmazonOne ส่วนในด้านการสั่งเครื่องดื่มหรือเมนูต่าง ๆ สามารถสั่งผ่านแอปพลิเคชันของ Starbucks ได้ตามปกติ
ทั้งนี้ คนที่ทำเครื่องดื่มและเมนูอาหาร ก็จะยังเป็นบาริสตา ที่คอยทำหน้าที่นี้อยู่ อีกทั้งทาง Starbucks ยังได้วางแผนว่าจะเปิด Starbucks Pickup เพิ่มอย่างน้อยอีก 3 สาขาในปี 2022 ซึ่งสาขาที่ 2 จะเปิดในแมนฮัตตัน อาคาร New York Times
โดยทางคุณ Kathryn Young รองประธานอาวุโสฝ่ายการเติบโตและการพัฒนาระดับโลกของ Starbucks กล่าวว่า “นี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงแนวคิดที่เราทั้งคู่ได้เรียนรู้จากกัน” แต่คุณ Young ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า Starbucks และ Amazon ทำงานร่วมกันมานานแค่ไหนแล้ว
นี่ก็คือความเคลื่อนไหวล่าสุดของแบรนด์กาแฟระดับโลกอย่าง Starbucks และบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Amazon ที่ได้จับมือกันสร้างร้านคาเฟ่ไร้แคชเชียร์ เพื่อตอบสนองกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
ซึ่งจริง ๆ แล้ว Starbucks เอง ก็ไม่ถือว่าเป็นเชนร้านอาหารและเครื่องดื่มจากสหรัฐฯ ที่ตั้งเป้าว่าอยากจะทำร้านค้าไร้แคชเชียร์ เพราะก่อนหน้านี้ ก็จะมี McDonald’s ที่ออกมาประกาศว่า จะใช้หุ่นยนต์ในการรับออเดอร์ และส่งอาหารในร้านค้าแบบ Drive-thru โดยได้เริ่มนำร่องทดลองไปแล้วกว่า 10 แห่งในสหรัฐฯ
เรื่องนี้แสดงให้เราเห็นว่า เชนร้านอาหารและเครื่องดื่มทั้งหลาย ก็ต่างตระหนักในเรื่องพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งต้องการความสะดวกรวดเร็ว และต้องการความไว ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบัน ก็อาจเข้ามาตอบโจทย์พฤติกรรมเหล่านี้ ได้ดีกว่าการใช้คน
ซึ่งก็มีการคาดการณ์จากหลายที่มาว่า อาชีพที่ในอนาคตจะหมดความสำคัญลง หรืออาจจะหมดไป หนึ่งในนั้นก็คือ “แคชเชียร์” นั่นเอง
แหล่งข้อมูล
https://www.facebook.com/1387231808035873/posts/4473583736067316/