บริษัทญี่ปุ่น อวดโฉม “โดรน 2 in 1” ใช้ได้ทั้งบนอากาศ และใต้น้ำ ตัวแรกของโลก

Share

Warning: Undefined array key "postid" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 24

Warning: Undefined array key "increase" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 25

Warning: Undefined array key "show_views_today" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 26

Loading

เมื่อไม่นานมานี้ KDDI Corporation บริษัทโทรคมนาคมของญี่ปุ่น ร่วมกับบริษัท Prodrone ผู้ผลิตโดรนเชิงพาณิชย์ และบริษัท QYSEA ผู้สร้างหุ่นยนต์ใต้น้ำ ได้ร่วมมือกันสร้างโดรนเชิงพาณิชย์ตัวแรกของโลก ที่สามารถบินบนอากาศ และดำลงไปใต้น้ำได้ โดยเปิดตัวพร้อมขึ้นบินโชว์ครั้งแรกที่สวนสนุก Hakkeijima Sea Paradise ในจังหวัดโยโกฮามะ ประเทศญี่ปุ่น

ซึ่งโครงการนี้ มีความคิดริเริ่มมาจาก KDDI ในการพยายามที่จะรวมเครือข่ายการสื่อสารเคลื่อนที่ขั้นสูง เข้ากับเทคโนโลยีโดรน ที่จะมีระยะทางและความยาวในการบินที่มากขึ้น ในขณะที่ยังบังคับโดรนได้

ส่วนจุดประสงค์ของโดรนสะเทินน้ำสะเทินอากาศ (Sea-Air Integrated Drone) นี้จัดทำขึ้นมาเพื่อพัฒนาการปฏิบัติงานทางอากาศ และการจัดการทางทะเลให้มีความทันสมัย, มีประสิทธิภาพ และสามารถลดกำลังคนได้มากขึ้น

โดยปกติแล้ว เราอาจคุ้นชิ้นกับโดรนบนอากาศอยู่แล้ว แต่เจ้าโดรนตัวนี้มีความพิเศษด้วยเทคโนโลยี “FIFISH PRO V6 PLUS ROV” ซึ่งเป็นโดรนใต้น้ำของบริษัท QYSEA เข้ามาทำให้สามารถทำงานใต้น้ำได้ด้วย

ทั้งนี้ ตัวโดรนจะสามารถทำงานจากระยะไกลเพื่อบินไปยังเส้นทางที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในทะเล และหลังจากลงจอดในตำแหน่งที่กำหนด เทคโนโลยีโดรนใต้น้ำ หรือ “FIFISH ROV” จะถูกปล่อยลงไปใต้น้ำ ด้วยการคอยควบคุมจากระยะไกล (Remote Control) ทำให้เราสามารถดำเนินการตรวจสอบ, บำรุงรักษา และซ่อมแซมอุปกรณ์ หรือเครื่องมือใต้น้ำได้

นอกจากนี้ โดรนยังสามารถส่งภาพแบบเรียลไทม์, เครื่องมือสุ่มตัวอย่าง, การวัดมาตรต่าง ๆ และเครื่องมือจัดการอื่น ๆ รวมถึงสามารถถ่ายทอดสดระหว่างการปฏิบัติงานสำหรับการทำงานร่วมกันหลายคนได้ และคาดว่าโดรนตัวนี้จะมีการใช้งานอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมทางทะเล และสำหรับพลังงานลม (กังหันลม) นอกชายฝั่ง

ตัวโดรนยังสามารถตรวจสอบ และบำรุงรักษาโครงสร้างและฐานรากได้ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของมนุษย์ ที่ต้องเดินทางออกไปกลางทะเลได้อย่างมาก

ซึ่งนี่ก็นับเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยี ที่จำทำให้อุตสาหกรรมทางบกและทางทะเล มีความยั่งยืนมากขึ้น เนื่องจากโดรนก็ใช้พลังงานน้อยกว่าการเดินเรือ หรือเครื่องบิน ทำให้เทคโนโลยีนี้กลายเป็นอีกหนึ่งหนทางที่เข้ามาตอบโจทย์ในเรื่องการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซต์ได้ รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงของคนที่ต้องไปปฏิบัติงานในพื้นที่นั้น ๆ ด้วยนั่นเอง

แหล่งข้อมูล

https://www.facebook.com/1387231808035873/posts/4715692588523095/