ใครๆ ก็เกาะกระแส Metaverse โลกใหม่ไร้ขีดจำกัด

Share

Loading

ในรอบปี 2564 ที่ผ่านมา ในวงการเทคโนโลยีคงไม่มีใครเกินหน้าของการพูดถึงโลกอนาคตของเมตาเวิร์ส (Metaverse) ที่บริษัทยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีมองเป็นเป้าหมายที่จะพัฒนาไปถึงจุดนั้นได้

จนเป็นกระแสที่แทบทุกธุรกิจมองกันและประกาศเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ หรือเป็นอีโคซิสเต็มที่จะเกิดขึ้นมาเพื่อรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต ซึ่งคาดกันว่าภายใน 4-5 ปี Metaverse จะมีบทบาทสำคัญในยุคของอินเตอร์เน็ตเวอร์ชั่นใหม่

นับเป็นการเปลี่ยนแปลงโลกในทุกมิติเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น คุณภาพชีวิต สังคม เศรษฐกิจและการศึกษาที่ดีขึ้น การใช้ชีวิตประจำวัน ควบคู่ไปพร้อมกับโลกแห่งความจริงเสริม กับเทคโนโลยีเออาร์ (Augmented Reality) ที่นำโลกแห่งความเป็นจริงผสมผสานกับโลกของดิจิทัล ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต จอแสดงผล และอุปกรณ์แว่นตาอัจฉริยะทั้งหลาย เป็นต้น

รวมไปถึงเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง Augmented Reality (AR) เป็นการจำลองสภาพแวดล้อมจริงเข้าไปให้เสมือนจริง โดยผ่านการรับรู้จากการมองเห็น เสียง สัมผัส แม้กระทั่งกลิ่น โดยจะตัดขาดเราออกจากสภาพแวดล้อมปัจจุบันเพื่อเข้าไปสู่ภาพที่จำลองขึ้นมาและเทคโนโลยีความจริงผสม และ Mixed Reality (MR) นำเอาโลกแห่งความเป็นจริงและองค์ประกอบดิจิทัลมารวมกัน ช่วยให้เราได้เห็นและสัมผัสกับโลกรอบตัว

Metaverse จึงเป็นการนำหลายๆโลกมาเชื่อมด้วยกันแบบไร้รอยต่อ คนไทยหลายๆคนจึงเรียกเป็น “พหุภพ” ต่อมาราชบัณฑิตยสภาได้บัญญัติศัพท์ภาษาไทยเป็น “จักรวาลนฤมิต”

ในอนาคตคงจะเป็นการดีไม่น้อยหากเราอยากไปช็อปปิ้งเสื้อผ้าที่ห้างเซ็นทรัล แต่ไม่อยากเดินทางเพียงแค่ใช้โลกความจริงเสริมและโลกเสมือนจริงช่วยอำนวยความสะดวก เข้าไปเดินเลือกดูเสื้อผ้า ชอบแบบไหนทดลองใส่ได้ หากมีไซส์ก็ตกลงซื้อชำระเงินได้ทันทีจะใช้เงินชำระหนี้ถูกต้องตามกฎหมายหรือจะเป็นเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซีได้หมด และเสื้อผ้าจะถูกจัดส่งตรงถึงบ้าน

สำหรับผู้คนชอบท่องเที่ยว ไม่ว่าจะอยู่ไกลข้ามโลกแค่ไหนและเดินทางยากลำบากเพียงใดก็สามารถไปได้ หรือการชวนเพื่อนๆ เป็นกลุ่มไปร่วมชมคอนเสิร์ต หรือลุ้นฟุตบอลพรีเมียร์ลีกสุดมันส์ข้างสนาม ผ่านเทคโนโลยีในรูปแบบต่างๆ อาทิ Teleport เปิดวาร์ปการเดินทางได้ในพริบตา และ Hologram เป็นต้น

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆของในชีวิตประจำวันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่สิ่งที่ตามมามหาศาลก็คือ Metaverse Economy (เมตาเวิร์สอีโคโนมี) เป็นโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้น ต่อจาก Digital Economy (ดิจิทัล อีโคโนมี) โมเดลธุรกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นมากมายมหาศาล

ในรอบปีที่ผ่านมานี้ หลายๆบริษัทจึงขยับตัวเข้าหาและประกาศ จะมุ่งไปสู่ Metaverse อย่างจริงจัง โดย “เฟซบุ๊ก” เป็นผู้จุดกระแสแห่งอนาคตขึ้นมาจนผู้คนทั่วโลกต้องติดตามว่ามันคืออะไร จะเกิดขึ้นอย่างไรและมนุษย์เราได้ประโยชน์อะไร

เฟซบุ๊ก ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ประกาศรีแบรนด์จาก Facebook ไปสู่ Meta เป็นยานแม่ เพื่อสื่อให้เห็นว่านับจากนี้ต่อไปจะไม่ใช่เป็นเพียงแค่ผู้บริการแพลตฟอร์มของเฟซบุ๊กและโซเชียลมีเดียในเครือแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะมีบริการใหม่ๆ สิ่งใหม่ๆที่พร้อมจะให้สมาชิกผู้ใช้งานเข้าสู่โลก Metaverse ไปพร้อมๆกัน รวมทั้งการเปิดตัวอุปกรณ์การใช้งานใหม่ๆ

จุดเริ่มต้นเมื่อ 29 ปีที่แล้ว

Metaverse เป็นแนวไอเดียของ “นีล สตีเฟนสัน” ที่เขียนในหนังสือนวนิยายวิทยาศาสตร์ Snow Fish เป็นครั้งแรกในปี 2535 มาจากการผสมคำ meta ที่แปลว่า เหนือ (beyond) กับจักรวาล (universe) จากนั้นก็มีนวนิยายหลายๆเรื่องตามมา และมีผู้ริเริ่มพัฒนาเทคโนโลยีเรื่อยมา

จนถึงปัจจุบันที่บริษัทเทคโนโลยีวางแผนการการพัฒนาที่ซับซ้อนเพื่อการนำเสนอโลกออนไลน์แบบ 3 มิติ ที่ผู้คนสามารถทำได้ เชื่อมต่อเหมือนกับว่าพวกเขากำลังพูดคุยกันในชีวิตจริง อาทิ บริษัทไมโคร ซอฟท์ได้พัฒนา Teams Mesh เป็นการผสานการประชุมออนไลน์กับ mixed-reality เข้าไว้ด้วยกัน แปลงร่างตัวเองให้เป็น “อวตาร” ระหว่างประชุมได้ไปในสถานที่หรือออฟฟิศเสมือนจริงได้

NVIDIA เปิดตัว NVIDIA Omniverse ฝึกปัญญาประยุกต์ (AI) ช่วยขับรถยนต์ได้ด้วยตนเอง Roblox และ Fortnite ของ Epic สร้างโลกเสมือนจริงที่ผู้ใช้สามารถใช้เวลากับเพื่อนๆ และชมคอนเสิร์ตร่วมกันไม่ว่าจะอยู่ห่างกันเป็นหมื่นหรือหลายพันกิโลเมตร และมีอีกมากมายที่เกาะกระแสตาม ทั้งบริษัทเทคโนโลยีและแบรนด์ดัง ต่างๆ เช่น ไนกี้, อาดิดาส, ซาร่า, โบอิ้ง, ดิสนีย์

ซื้อที่ดินบนโลกเสมือนจริง

ดีเซนทราแลนด์ (Decentraland) เป็นโลกเสมือนจริงที่จับเคลื่อนโดยบล็อกเชน Ethereum บลอกเชน ใช้สกุลเงินดิจิทัลหลักคือ “MANA” ที่ให้อิสระกับผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวให้กับ “อวตาร” ให้รูปแบบที่ชื่นชอบการเป็นเจ้าของที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ในเกมและสร้างผลตอบแทน ซึ่งล่าสุดขายที่ดินเสมือนจริงให้กับ Metaverse Group มูลค่า 2.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้จัดแสดงแฟชั่นโชว์และการค้าในโลก 3 มิติ

ทางด้านจาเคเวิร์ส (Jakaverse) โลกแห่งเกมเสมือนจริง ระบุว่า Meta หรือเฟซบุ๊ก ได้เชื่อมต่อผู้คนทั่วโลกจำนวนหลายพันล้านคนเข้าสู่โลก Metaverse แต่สำหรับ Jakaverse ระบบเกาะศูนย์กลางโลกจำลองที่รวบรวมเกมหลายๆประเภทเข้ามาไว้ด้วยกัน เชื่อมต่อผู้คนทั่วโลกเข้าสู่เกาะแห่งการเล่นเกม, ผจญภัย และท่องเที่ยว โดยเน้นไปที่การเล่นเกมทั่วไป การเล่นเกมสะสม รายการ รวมถึงการแข่งขันเล่นเกมกันในทุกประเภท โดยผู้เล่นเกมสามารถทำรายได้ได้จริง สามารถสร้างอาชีพและธุรกิจให้กับผู้เล่นที่ชื่นชอบเกมได้เป็นอย่างดี

โดยจะเปิดขายที่ดินบนเกาะในปีนี้ พร้อมกับเกมนานาชนิดทุกรูปแบบบนเกาะแห่งนี้มีให้เลือกเช่นกัน สำหรับธุรกิจไทยโดยบริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยีจำกัด (มหาชน) หรือ AJA ที่หันมุ่งเน้น ธุรกิจทำเหมืองขุดบิตคอยน์เตรียมซื้อที่ดินของ Jakaverse เพื่อเปิดศูนย์จำหน่ายสินค้าและรับชำระเงินเหรียญ JK ซึ่งเป็นเงินดิจิทัลสกุลหนึ่ง รวมไปถึงแบรนด์มิสทีน แบรนด์ไทยที่ได้รับการยอมรับจากตลาดจีนและประสบความสำเร็จสูงเตรียมเข้าสู่โลก Metaverse เตรียมซื้อที่ดินของ Jakaverse เพื่อเปิดศูนย์จำหน่ายสินค้าจะเปิดรับชำระเหรียญ JK และ USDT เพื่อรองรับพฤติกรรมของลูกค้าในอนาคต

ธุรกิจของไทยก็ได้เริ่มขยับตาม

สำหรับ “อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)” พร้อมก้าวสู่โลก Metaverse โลกเสมือนจริงเปิดตัว “น้องวันนี้” อินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริง (Virtual human Presenter) คนใหม่เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และสื่อสารกับกลุ่มผู้บริโภคคนเมืองยุคใหม่ ขณะที่ “เอไอเอส” ได้เปิดตัวน้องไอ-ไอรีน เป็น Virtual Brand Ambassador สำหรับการส่งเสริมภาพลักษณ์ของโลกยุคใหม่และบุกเบิกการสร้างชุมชนโลกเสมือนในรูปแบบต่างๆให้เกิดขึ้น โดยน้องไอ-ไอรีน จะทลายทุกข้อจำกัดของความเป็นมนุษย์ให้ประสบการณ์จากการผสมผสานระหว่างโลกจริงและโลกเสมือนจริง ส่วน “ค่ายทรู” ได้เปิดตัวน้อง IMMA นางแบบเสมือนจริงจากญี่ปุ่นมาเป็น Brand Ambassador รวมไปถึงธุรกิจการเปิดเช่าชุดออนไลน์หรือแม้กระทั่งการสวดมนต์ข้ามปีบน Metaverse

ความร้อนแรงของ Metaverse ทำให้ทุกธุรกิจมีความจำเป็น ต้องปรับตัวเพื่อการเปลี่ยนแปลง เพื่อประโยชน์ขององค์กร เพื่อการแสวงหาการเติบโตใหม่ๆบนแพลตฟอร์มใหม่ต้องเตรียมพร้อมเสมอ ไม่ว่า Metaverse จะมาเร็วหรือช้าก็ตาม

แหล่งข้อมูล

https://www.thairath.co.th/lifestyle/tech/2277956