กรณีศึกษา “SkinX” เมื่อยักษ์ใหญ่ 2 วงการ จับมือปั้นสตาร์ตอัป ฝ่าการดิสรัปต์ในธุรกิจสุขภาพ

Share

Loading

การระบาดของโควิด 19 ที่ยืดเยื้อยาวนานมากว่า 2 ปี ได้ดิสรัปต์การดำเนินธุรกิจแบบดั้งเดิม และเป็นตัวเร่งให้เกิดการนำเทคโนโลยีมากมาย มาประยุกต์ใช้ในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะการที่ผู้คนไม่สามารถออกมาพบปะกันได้ ทำให้เทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารได้รับการพัฒนา และเป็นส่วนสำคัญในการสร้าง “ธุรกิจใหม่” ที่เปลี่ยนไปจากเดิม

สำหรับธุรกิจในแวดวงสุขภาพ การระบาดของโควิด 19 ส่งผลให้การเดินทางมารักษาที่โรงพยาบาล สำหรับคนไข้ในโรคอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับโรคระบบทางเดินหายใจ เป็นเรื่องยากลำบาก จนทำให้เทคโนโลยีการรักษาผ่านทางไกล หรือที่เรียกว่า “Telemedicine” ได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งก็เพิ่มความสะดวกสบาย ทำให้คนไข้ไม่ต้องออกจากบ้าน ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด 19

อย่างไรก็ตาม แอปพลิเคชัน Telemedicine ทั่วไป มักไม่ได้โฟกัสไปที่กลุ่มโรคเฉพาะทางกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทำให้คนไข้ที่ต้องการปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เช่น คนไข้กลุ่มโรคผิวหนังอาจต้องการตัวเลือกการรักษาที่เฉพาะเจาะจงมากกว่า ทั้งการมีหมอเฉพาะทางที่ให้คนไข้สามารถเลือกรักษาได้ ไปจนถึงยา, ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการรักษา และการติดตามการรักษาที่แตกต่างจากโรคอื่น ๆ Pain Point เหล่านี้ นำมาสู่การพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับรักษาโรคผิวหนังโดยเฉพาะ ซึ่งได้รับผลตอบรับดีที่สุดในประเทศไทย นั่นก็คือ “SkinX”

SkinX เป็นแอปพลิเคชันสัญชาติไทย ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องภายในเวลาไม่ถึง 1 ปี โดยมีจำนวนผู้ดาวน์โหลดกว่า 200,000 ครั้ง รวมแพทย์ในแพลตฟอร์มกว่า 200 คน และจำนวนเคสการปรึกษามากกว่า 20,000 ครั้ง

ซึ่ง SkinX เป็นบริษัท Health Tech Startup ที่เกิดจากความร่วมมือของ โรงพยาบาลสมิติเวช ที่มีจุดแข็งในธุรกิจด้านสุขภาพ กับ SCB 10X ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ ที่มีจุดแข็งในด้านการพัฒนานวัตกรรม

โดย SkinX ชูความแตกต่างจากแอปพลิเคชัน Telemedicine ทั่วไป ด้วยการเลือกโฟกัสเพียงโรคผิวหนังเพียงอย่างเดียว ทำให้สามารถเพิ่มคุณภาพในการรักษาได้อย่างเฉพาะเจาะจง อีกทั้งยังดึงดูดแพทย์เฉพาะทางผิวหนังเก่ง ๆ ระดับอาจารย์แพทย์ หรือ Board Certified Dermatologist จากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำทั่วไทยให้มาร่วมออกตรวจกับ SkinX เป็นการการันตีมาตรฐาน และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับคนไข้ผู้ใช้บริการ ทำให้เกิดภาพจำที่ชัดเจนว่า ถ้าจะหาหมอผิวหนังเมื่อไร จะต้องนึกถึงแอปพลิเคชัน SkinX เป็นอันดับแรก..

พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล หรือคุณหมอผิง CEO ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแอปพลิเคชัน SkinX ได้เปิดเผย Key Success Factors ที่ได้รับ Feedback จากผู้ใช้จริง คือ

ประการแรก บรรยากาศในการรักษาที่ผ่อนคลายกว่าการพบหมอโดยปกติ ทำให้คนไข้และหมอ กล้าที่จะสอบถามอาการหรือพูดคุยกันมากขึ้น

ประการที่ 2 ความสะดวกสบาย ที่ไม่ต้องเดินทางออกจากบ้าน ไม่ต้องออกไปนั่งรอคิวนาน ๆ แต่สามารถตรวจได้ทันทีที่พร้อม

ประการที่ 3 ความสบายใจในการเลือกหมอที่ต้องการพบด้วยตัวเอง โดยมีประวัติ ความเชี่ยวชาญ และรีวิวของคุณหมอ โดยคนไข้สามารถเลือกคุณหมอได้ด้วยตัวเอง

และด้วยความเชี่ยวชาญและมาตรฐานในการดูแลคนไข้ ผสานเข้ากับเทคโนโลยีที่เพิ่มความสะดวกสบายทำให้คนไข้สามารถพูดคุยกับแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังได้ทันที โดยไม่ต้องออกจากบ้าน หรือไปนั่งรอคิวที่โรงพยาบาล และแพทย์สามารถสั่งจ่ายยา โดยมีเภสัชกรคอยคัดกรอง และให้คำแนะนำในการใช้ยาอย่างถูกต้อง

SkinX ยังได้นำอินไซต์จากพฤติกรรมของผู้บริโภคมาออกแบบบริการให้ตรงใจกับการเป็นบริการดิจิทัล ด้วยการเสริมฟังก์ชันรีวิวแพทย์ ให้คนไข้เลือกแพทย์ที่ต้องการพบได้เอง และแจ้งค่าปรึกษาล่วงหน้าก่อนเลือกพบแพทย์

นอกจากนี้ ยังมีการขยายบริการ เพื่อให้ครอบคลุมการดูแลผิวอย่างครบวงจร จึงเกิดเป็น SkinX Store หรือ ร้านค้าออนไลน์ ที่วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลผิว รวมถึงเวชสำอางแบรนด์ต่าง ๆ สร้างจุดขายที่แตกต่างด้วยความน่าเชื่อถือ เพราะผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดเลือกโดยเภสัชกร สามารถปรึกษาขอคำแนะนำก่อนและหลังการซื้อกับเภสัชกร และราคาสินค้ามีความเป็นธรรม และ SkinX Super Deal ที่ร่วมกับโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำ ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกมาตรฐานจาก SkinX จำหน่ายดีลโปรแกรมความงาม ในราคาที่ดีกว่า ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง

เรื่องของ “SkinX” จึงนับเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ของการร่วมมือกันของยักษ์ใหญ่จาก 2 ฝั่งอุตสาหกรรม ที่ไม่น่าจะมาบรรจบกันได้ แต่ก็ใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่าย ในการมาร่วมกันเพื่อสร้าง “ธุรกิจใหม่” จนเป็นสตาร์ตอัปด้านสุขภาพ ที่สามารถนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้จริง ก้าวข้ามการดิสรัปต์ทางเทคโนโลยี และประสบความสำเร็จสูงสุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย..

แหล่งข้อมูล

https://www.facebook.com/1387231808035873/posts/4730293267063027/