เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน เพราะถือเป็นสมองกลที่ส่งผลให้เทคโนโลยีเดิมฉลาดมากยิ่งขึ้น และจะส่งผลให้การใช้ชีวิตมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
วันนี้ เราจะนำตัวอย่างของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้น
1 โซเชียลมีเดีย
ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ต่างมีบัญชีโซเชียลมีเดียของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter และอื่น ๆ ซึ่งสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังกลไกการทำงานของแพลตฟอร์มเหล่านี้ก็คือเทคโนโลยี AI นั้นเอง ที่คอยเลือกและแสดงผลสิ่งที่เราสนใจขึ้นมาโชว์ ทำให้เรารู้สึกน่าติดตามและใช้งานบ่อยขึ้น ยาวนานขึ้น
นอกจากนี้ AI ยังสามารถแนะนำเพื่อนที่เราอาจจะรู้จัก ช่วยกรองข่าวปลอม รวมถึง Machine Learning ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการกลั่นแกล้งคุกคามผ่านโลกไซเบอร์ (Cyberbullying) ได้อีกด้วย
2 การค้นหาบน Google
Google ถือเป็น Search engines อันดับหนึ่งที่ช่วยเราค้นหาสิ่งที่เรากำลังสนใจใคร่รู้ เรียกได้ว่า ถ้าหากเราสนใจ หรือสงสัยอะไรขึ้นมา เราก็มักจะพิมพ์คำค้นหาใน Google เป็นอันดับแรก ซึ่งปัจจุบันนี้ข้อมูลที่อยู่ในระบบอินเตอร์เน็ตนั้นก็มีอยู่มากมายมหาศาล ซึ่งถ้าไม่มีเทคโนโลยี AI ก็อาจจะเป็นการยากมากที่เราจะสามารถค้นหาในสิ่งที่ต้องการอยากรู้ได้อย่างถูกต้อง
หรือเราอาจจะเคยเจอโฆษณาที่ตามเราไปทุกที่ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน สิ่งเหล่านี้ทำได้ด้วยเทคโนโลยีของปัญญาประดิษฐ์เช่นกัน โดยดูจากการค้นหาในอดีต และนำเสนอให้กับแต่ละบุคคล (Personalize) โดยมีเป้าหมาย คือการนำเสนอสิ่งที่ผู้ใช้แต่ละคนสนใจ
3 การสั่งงานด้วยเสียง
ระบบสั่งการด้วยเสียงถือเป็นเทคโนโลยีที่สร้างความสะดวกสบายให้กับเราได้เป็นอย่างดีในปัจจุบันนี้ เพราะในบ้างครั้งเราก็ไม่มีความสามารถที่จะพิมพ์ข้อความได้ยาว ๆ เช่น ในขณะที่เรากำลังขับรถ หรือในช่วงเวลาเร่งด่วนที่เรากำลังรีบเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าเป็นต้น
ตัวอย่างผู้ช่วยในการสั่งงานด้วยเสียง ได้แก่ Siri, Alexa, Google home จนถึง Cortana โดยเครื่องมือเหล่านี้ใช้ระบบการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing) โดยเทคโนโลยี AI จะประมวลผล และตอบคำถามให้กับผู้ใช้งาน
4 อุปกรณ์สมาร์ทโฮม
ด้วยเทคโนโลยี AI ที่เข้ามาเติมเต็มเครื่องใช้ต่าง ๆ ภายในบ้าน ก็สามารถทำให้บ้านของเรากลายเป็นบ้านอัจฉริยะได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอุณหภูมิภายในบ้านของเครื่องปรับอากาศ, ตู้เย็นอัจฉริยะที่บอกได้ว่าวัตถุดิบทำอาหารอะไรกำลังจะหมด หรือระบบเตือนภัย หากเกิดเหตุปกติขึ้นภายในบ้าน เป็นต้น
5 การเดินทางไปทำงาน
ปัจจุบันเทคโนโลยีนำทางถือว่ามีความแม่นยำมากกว่าอดีตเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งนอกจากการนำทางที่แม่นยำแล้ว ยังสามารถคำนวณระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทาง โดยประเมินจากสภาพการจราจร หรือแจ้งเตือนสภาพอากาศได้อีกด้วย โดยเบื้องหลังความฉลาดนั้น ก็คือการนำเอาเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการประมวลผล ทำให้เทคโนโลยีนำทางเช่น Google maps มีความฉลาดมากยิ่งขึ้น ถึงการสามารถแนะนำเส้นทางที่ดีกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่หนาแน่นได้เลยทีเดียว
นอกจากนั้น รถบางคันอาจจะมีระบบเทคโนโลยีการช่วยเหลือผู้ขับ เช่นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา รัฐแคลิฟอร์เนีย สามารถใช้บริการ Self-driving car จากบริษัทลูกของ Google ที่ชื่อว่า Waymo ได้
6 ธุรกรรมทางการเงิน
ธนาคารส่วนใหญ่ได้ปรับตัวในการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการระบบธุรกรรมทางการเงิน ทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว และยังช่วยป้องกันการทุจริตได้อีกด้วย เช่น การฝากเช็คด้วยการสแกนด้วยมือถือ ระบบแจ้งเตือนเมื่อยอดเงินคงเหลือต่ำ หรือแม้กระทั่งการล็อคอินเข้าไปใช้ระบบโมบายแบงค์กิ้ง
รวมถึงถ้าคุณเข้าไปซื้อกางเกงที่ร้านเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง ระบบ AI จะวิเคราะห์ว่าธุรกรรมนี้เป็นธุรกรรมที่คุณใช้เป็นปกติหรือไม่ เพื่อที่จะพิสูจน์ว่ามีบุคคลที่ไม่พึงประสงค์นำบัตรเครดิตของคุณไปใช้หรือไม่ เป็นต้น
เรียบเรียงโดย Security Systems Magazine
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม www.aigencorp.com
เครดิตภาพ www.pixabay.com