รัฐมนตรีพลังงานเยอรมัน Christian Lindner เรียกพลังงานทดแทนว่า…
“The Energy of Freedom” หรือ “พลังงานแห่งอิสรภาพ”
การรุกรานยูเครนของรัสเซีย ทำให้ประเทศส่วนใหญ่ในโลกกล่าวประณามรัสเซีย ประเทศในกลุ่มนาโต้และพันมิตรสหรัฐฯหลายประเทศ มีมาตรการณ์บอยคอตรัสเซีย ซึ่งรวมถึงการบอยคอตรัสเซียของเยอรมันด้วย
ท่อก๊าซ Nord Stream 2 Baltic Sea ซึ่งเป็นท่อส่งก๊าซเข้าเยอรมัน ได้ประกาศหยุดการใช้งานตามมาตรการณ์การบอยคอตของเยอรมัน
ประเทศในยุโรปหลายประเทศมีความกระอักกระอ่วนที่จะบอยคอตรัสเซีย เพราะในปัจจุบันต้องพึ่งพาพลังงานฟอสซิลจากรัสเซีย รัสเซียเป็นผู้ป้อนพลังงาน 90% ให้กับ 9 ประเทศในยุโรป ซึ่งรวมถึง บัลแกเรีย เอสโตเนีย และ ฟินแลนด์ ประมาณ 1 ใน 4 ของการบริโภคพลังงานใน EU มาจาก ก๊าซธรรมชาติ และ 40% เป็นการนำเข้ามาจากรัสเซีย
ยุโรปมีความตื่นตัวเรื่องพลังงานทดแทนอย่างมาก แต่ยังเปลี่ยนผ่านไม่เร็วพอ ในปี 2020 ประเทศต่างๆใน EU ใช้พลังงานทดแทนรวมทั้งสิ้น 21.3% ของพลังงานที่ใช้ทั้งหมด สงครามรัสเซียบุกยูเครน ทำให้เยอรมันมีความตื่นตัวเรื่องพลังงานทดแทนมากขึ้น และมีเป้าหมายใหม่ว่า ภายในปี 2035 ประเทศเยอรมันจะเปลี่ยนผ่านไปใช้พลังงานทดแทนทั้งหมด 100%
ในปัจจุบัน เยอรมันต้องนำเข้าพลังงานฟอสซิลจากต่างประเทศ 71% ของพลังงานที่ใช้ในประเทศทั้งหมด ซึ่งรวมถึงก๊าซธรรมชาติและน้ำมันจำนวนมากจากรัสเซีย รายงานข่าวล่าสุดเปิดเผยว่า มีเอกสารที่ยืนยันจากรัฐบาลเยอรมันว่า ขณะนี้มีแผนจะเพิ่มกำลังผลิตพลังงานโซลาร์เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันสามเท่าให้ได้ภายในปี 2030
เยอรมัน จะเพิ่มกำลังผลิตพลังงานลมนอกชายฝั่งอีกสองเท่า และเพิ่มพลังงามลมบนฝั่งเป็น 30 กิกะวัตต์ การเพิ่มขึ้นของพลังงานทดแทนในเยอรมัน เทียบได้กับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 10 แห่ง เหตุการณ์บังคับให้เยอรมันต้องเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานทดแทนเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งหมายถึงการใช้พลังงานสกปรกน้อยลง ลดการทำลายสิ่งแวดล้อม
พลังงานทดแทนเป็นพลังงานต้นทุนต่ำที่หาได้เกือบทุกพื้นที่บนโลก การเปลี่ยนผ่านหรือลงทุนเริ่มแรกอาจสูง แต่ในระยะยาวมันคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และช่วยอนุรักษ์โลก พลังงานทดแทน หมายถึงอิสรภาพทางด้านพลังงาน ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายจำนวนมาก หรือพึ่งพาประเทศไหนอีกต่อไป!!!
แหล่งข้อมูล
https://www.facebook.com/698124263678932/posts/2178662242291786/