Tesla เปิดตัวโรงงานการผลิตขนาดใหญ่ (Gigafactory) ในเยอรมนีอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นการบุกประเทศที่เต็มไปด้วยค่ายรถชื่อดัง เช่น Mersedes-Benz, Volkswagen, Audi, Porsche, BMW และนับว่าเป็นโรงงานแห่งแรกของ Tesla ที่ตั้งอยู่ในยุโรปด้วย
โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมือง Grünheide รัฐ Brandenburg ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนัก โดย Tesla ทุ่มเงินในการสร้างกว่า 5,000 ล้านยูโร (ราว 184,600 ล้านบาท) ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดแรงกดดันในการผลิตของโรงงานในสหรัฐฯ และจีนได้
ในงานเปิดตัวที่เพิ่งผ่านพ้นไปนี้ ทาง อีลอน มัสก์ CEO ของ Tesla ก็ได้เดินทางมาร่วมด้วย พร้อมกับโชว์ลีลาการเต้น เหมือนกับที่เขาเคยทำเมื่อปี 2020 ในการเปิดตัวโรงงานที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
และนอกเหนือจากการเปิดตัวแล้ว อีลอน มัสก์ ยังได้ส่งมอบรถยนต์ที่ผลิตในเยอรมนีให้กับลูกค้า 30 รายแรกด้วยตัวเองพร้อมกับกล่าวว่า “นี่เป็นฤกษ์งามยามดีสำหรับโรงงาน และนับว่าเป็นอีกก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน”
สำหรับ Gigafactory แห่งนี้ Tesla ตั้งเป้าว่าจะสามารถผลิตรถยนต์ได้มากถึง 500,000 คันต่อปี โดย Troy Teslike ซึ่งเป็นนักวิจัยของ Tesla ออกมาทวีตว่า สำหรับปีนี้ ในช่วง 6 สัปดาห์แรก บริษัทตั้งเป้าว่าจะผลิตรถยนต์ราว 1,000 คันต่อสัปดาห์ และต่อจากนั้นตั้งเป้าว่าจะผลิตให้ได้ 5,000 คันต่อสัปดาห์
ซึ่งการที่ Tesla พยายามเปิดโรงงานแห่งใหม่ในยุโรป ก็เพราะว่าในยุโรปมีความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าสูงมาก เมื่อเปิดโรงงานในยุโรปก็สามารถผลิตและส่งมอบภายในทวีปได้เลย โดยไม่ต้องพึ่งการผลิตจากโรงงานจีน ส่วนการเร่งผลิตให้ได้จำนวนมาก ก็เพื่อให้ทันกับความต้องการของผู้ซื้อ ที่ตอนนี้มีรายงานว่า Tesla Model Y และ Tesla Model 3 อาจใช้เวลาในการส่งมอบค่อนข้างนาน
การเปิดโรงงานในเยอรมนีครั้งนี้ ก็นับว่าเป็นอีกก้าวที่สำคัญของ Tesla ที่จะสามารถขยายธุรกิจและการผลิตให้มากขึ้น แม้ว่าจะเป็นการเปิดตัวที่ช้ากว่าที่ตั้งเป้าไว้ก็ตาม เนื่องจากเผชิญปัญหาการระบาดของโควิด 19 และข้อเรียกร้องด้านสิ่งแวดล้อม จากคนในพื้นที่
โดยในงานเปิดตัวนี้ ก็ยังมีผู้ประท้วงหลายรายรวมตัวกันที่นอกโรงงาน เพื่อแสดงความกังวลเกี่ยวกับการสร้างโรงงานที่ตัดต้นไม้มากเกินไป และข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้น้ำที่อาจจะมากเกินไปด้วยเช่นกัน
แหล่งข้อมูล
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4892998317459187&id=1387231808035873&sfnsn=mo