หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าสถานที่ต่าง ๆ เหล่านี้ในเมืองไทย เช่น อิมแพ็ค เมืองทองธานี โรงเรียนนานาชาติรักบี้ FN Outlet โครงการซัมเมอร์ ลาซาล ของภิรัชบุรี หรือแม้แต่ตลาดสามย่าน ลานจอดรถ CU Sport Zone และอีกมากมาย ล้วนแล้วแต่ติดตั้งระบบโซลาร์อัจฉริยะกันทั้งหมด
ที่น่าสนใจคือ เวลานี้ภาคอุตสาหกรรมกำลังลดการใช้พลังงานไฟฟ้า และหันมาพึ่งพาพลังงานสะอาดจากระบบโซลาร์ โดยเฉพาะกลุ่มโรงงานผลิตขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานมาก และเปิดทำการตลอดทุกวัน 24 ชั่วโมง
แต่จุดที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม และสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ก็คือนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่กำลังมุ่งสู่อุตสาหกรรมสีเขียว ด้วยการใช้พลังงานสะอาด เช่น นิคมฯ หลักชัยเมืองยาง และนิคมฯ เอเพ็กซ์กรีน อินดัสเตรียล เอสเตท โดยธุรกิจทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เลือกใช้โซลูชันฉลาดผลิต หรือระบบโซลาร์อัจฉริยะ จากบ้านปู เน็กซ์
สิ่งที่น่าหาคำตอบก็คือ ทำไมเจ้าของธุรกิจและนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำเหล่านี้ถึงเลือกติดตั้งระบบโซลาร์ และไว้วางใจ บ้านปู เน็กซ์
ก่อนอื่นเรามาดูเหตุผลกันก่อนว่าทำไมหลาย ๆ บริษัทถึงกำลังลดการใช้ไฟฟ้ารูปแบบเดิม ๆ แล้วหันมาพึ่งพาพลังงานสะอาดจากระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือระบบโซลาร์
เริ่มต้นด้วยเหตุผลใหญ่ก็คือ ‘เมกะเทรนด์ของโลก’ ที่เวลานี้องค์กรชั้นนำทั่วโลกกำลังมุ่งสู่โหมด Net Zero หรือการทำธุรกิจที่มีการปล่อย CO2 ให้มีค่าเป็นศูนย์ ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโลกร้อน
นโยบาย Net Zero และ ESG จึงเป็นกลยุทธ์ของโมเดลธุรกิจเพื่อความยั่งยืนที่บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก กำลังใช้เป็นโยบายหลักในการทำธุรกิจ รวมถึงทุกวันนี้นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้บริโภคกำลังหันมาสนับสนุนสินค้า และบริการของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนเช่นกัน
และอย่างที่รู้กันว่าระบบโซลาร์ที่เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นกระแสไฟฟ้าโดยตรง ไร้ซึ่งก๊าซ CO2 เป็นพลังงานสะอาด 100% ก็ย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศทางธรรมชาติ
ทีนี้เมื่อพลังงานแสงอาทิตย์คือแหล่งพลังงานหลัก ก็ย่อมหมายถึงใช้ผลิตไฟฟ้าได้ฟรีไม่มีวันหมด นิคมอุตสาหกรรมและบริษัทต่าง ๆ สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ได้เอง ทำให้ช่วยลดค่าไฟฟ้าได้มหาศาลถึงปีละหลายสิบล้านบาท* ผลที่ตามมาคือ ต้นทุนธุรกิจลดลง
สรุปสั้น ๆ คือ การติดตั้งระบบโซลาร์สร้างคุณค่าให้ธุรกิจหลายมิติ ทั้งลดค่าไฟฟ้า สร้างผลกำไรระยะยาว เสริมภาพลักษณ์องค์กรดึงดูดเหล่านักลงทุนและผู้บริโภค ช่วยลดมลภาวะ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ และอีกมากมาย
แต่ผู้ให้บริการรายไหนจะได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากกว่ากัน เรื่องนี้คงต้องวัดกันว่า ใครที่มีเทคโนโลยีและโซลูชันอันชาญฉลาด ที่สร้างความสะดวกและคุ้มค่า จนถึงตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีที่สุด
ซึ่ง บ้านปู เน็กซ์ รับรู้จุดนี้เป็นอย่างดีตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจ จึงอัปเกรดเทคโนโลยี โซลูชั่นใหม่ ๆ และพัฒนาบริการขึ้นเรื่อย ๆ
รู้หรือไม่ว่า บ้านปู เน็กซ์ มีบริการติดตั้งระบบโซลาร์ทุกรูปแบบ ทั้งโซลาร์รูฟท็อป โซลาร์คาร์พอร์ต และโซลาร์ลอยน้ำ โดยมีไม่กี่บริษัทในเมืองไทยที่จะมีบริการครอบคลุมและครบวงจร เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันออกไปโดยยึดความต้องการลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญ ทั้งยังมีบริการแบบครบวงจร ตั้งแต่ก่อนติดตั้ง จนถึงบริการหลังการขาย
เมื่อเจ้าของธุรกิจไหนตัดสินใจว่าจะติดตั้งโซลาร์ จะมีทีมผู้เชี่ยวชาญมาสำรวจพื้นที่โรงงาน นำโซลูชั่นฉลาดวิเคราะห์ มาวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้พลังงาน และนำดาต้ามาออกแบบระบบที่เหมาะสมกับการใช้พลังงานและพื้นที่ของแต่ละธุรกิจ พร้อมให้คำปรึกษาการจัดเตรียมเอกสารขออนุญาตกับภาครัฐ ไปจนถึงบริการหลังการขายโดยทีมผู้เชี่ยวชาญและทีมลูกค้าสัมพันธ์ที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
แต่ที่สร้างความ “ต่าง” เหนือชั้นกว่าคู่แข่งในตลาดคือ ดิจิทัลแพลตฟอร์มและแดชบอร์ด ที่มาทำให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ “ฉลาด” อย่างน่าเหลือเชื่อ แถมยังเป็นความฉลาดที่สร้างคุณค่าให้แก่ธุรกิจ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพราะเมื่อติดตั้งเสร็จ เจ้าของธุรกิจสามารถมอนิเตอร์ หรือเช็คข้อมูลผ่านแอปฯ ได้แบบเรียลไทม์
เช่น การผลิตและใช้ไฟฟ้าจากระบบโซลาร์ การลดการปล่อย CO2 ผลประหยัดค่าไฟฟ้า แจ้งเตือนเมื่อระบบขัดข้อง เป็นต้น
ที่มากไปกว่านั้น หากเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ติดตั้งโซลาร์ลอยน้ำ ก็สามารถมอนิเตอร์ระดับและคุณภาพน้ำผ่านแดชบอร์ดได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงระบบโซลาร์ที่ติดตั้งนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางน้ำ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการติดตั้งโซลาร์ลอยน้ำ และเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการโรงงานและนิคมอุตสาหกรรมให้ความสำคัญเช่นกัน
อีกทั้งยังมีโซลูชันพลังงานฉลาดอื่น ๆ ที่สามารถมาทำงานควบคู่กัน เช่น นำระบบแบตเตอรี่มากักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่เหลือจากระบบโซลาร์ เพื่อนำไปสำรองใช้ในช่วงกลางคืน หรือช่วงที่ไฟฟ้าหลักขัดข้อง เป็นต้น
ทีนี้เมื่อเจ้าของธุรกิจ และนิคมอุตสาหกรรมรับรู้ว่าการติดตั้งโซลาร์มีประโยชน์รอบด้าน และเชื่อมั่นในความเชี่ยวชาญและ ‘ความแตกต่าง’ จึงใช้บริการกับ บ้านปู เน็กซ์ สิ่งที่ตามมาก็คือ การบอกต่อความประทับใจไปยังนิคมฯ หรือเจ้าของธุรกิจอื่น ๆ
จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีบริษัทชั้นนำของเมืองไทยหลายอุตสาหกรรม ครอบคลุมทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ กลาง และ SME เลือกใช้บริการของ บ้านปู เน็กซ์
ลงทุนแมน ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพยิ่งขึ้นว่า ว่าคุ้มค่าแค่ไหนเมื่อติดตั้งโซลาร์ทุกรูปแบบกับ บ้านปู เน็กซ์
อย่างโรงงานนมเปรี้ยว บีทาเก้น ในจังหวัดนครปฐม เมื่อติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปกำลังการผลิต 1.1 เมกะวัตต์ เป็นเวลา 1 ปี ช่วยให้โรงงานลดค่าไฟฟ้าได้ถึงกว่า 6 ล้านบาท* และลดการปล่อย CO2 ไปแล้วกว่า 600 ตัน*
จนถึงได้รับความวางใจใน Big Project ในการสร้างโซลาร์ลอยน้ำภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ในนิคมอุตสาหกรรมเอเพ็กซ์กรีน อินดัสเตรียล เอสเตท จ.ฉะเชิงเทรา
โดยภารกิจของ บ้านปู เน็กซ์ คือการเปลี่ยนบ่อเก็บน้ำที่ว่างเปล่าขนาดกว่า 200 ไร่ให้กลายเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าที่สร้างความยั่งยืนให้นิคมฯ และระบบนิเวศของบ่อน้ำ
โครงการนี้จะมีกำลังผลิตรวม 32 เมกะวัตต์ ซึ่งหากติดตั้งเสร็จพร้อมใช้งาน คาดว่าจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าให้นิคมฯ ได้ถึงปีละกว่า 36 ล้านบาท* และลดการปล่อย CO2 ได้ถึง 24,000 ตันต่อปี*
ส่วนอีกหนึ่งโครงการโซลาร์ลอยน้ำขนาดใหญ่ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จ.ระยอง ซึ่งเป็นของ บริษัทไทร เบคก้า เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด โดยติดตั้งโซลาร์ลอยน้ำบนพื้นที่บ่อเก็บน้ำขนาด 120 ไร่ มีกำลังการผลิตรวม 16 เมกะวัตต์ ปัจจุบันสร้างเกือบเสร็จแล้ว โดยจะเปิดใช้งานช่วงกลางปีนี้
ซึ่งทีมงานบ้านปู เน็กซ์ คาดว่าเมื่อเปิดระบบจ่ายไฟ จะช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ถึงปีละกว่า 15 ล้านบาท* และลดการปล่อย CO2 ได้ถึง 11,000 ตันต่อปี*
นอกจาก ผลการประหยัดต้นทุนค่าไฟฟ้า และปริมาณลดการปล่อย CO2 อันมหาศาล คุณค่าที่นิคมฯ ทั้ง 2 แห่งได้รับมีมากกว่านั้น คือ ภาพลักษณ์ต้นแบบนิคมเชิงนิเวศที่มุ่งพัฒนาโรงงาน ชุมชน และพนักงาน ตามหลักยั่งยืน ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของพนักงาน และชุมชนใกล้เคียง และแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน** เพิ่มความน่าเชื่อถือและดึงดูดนักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายให้เข้ามาลงทุนได้อีกด้วย
ถึงตรงนี้ ทำให้เราคิดถึงทฤษฎีการเปลี่ยนผ่านที่จำเป็นต้องใช้เวลานาน
ในอดีตพลังงานสะอาดมีสัดส่วนอยู่ที่ราว ๆ 5- 10% จากพลังงานที่ใช้กันบนโลกใบนี้ แต่ปัจจุบันพลังงานสะอาดมีสัดส่วนราว ๆ 30% โดยหนึ่งในตัวเร่งที่ทำให้เกิดการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นก็มาจากภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมทั่วโลกที่หันมาใช้พลังงานสะอาดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อตอบรับเมกะเทรนด์ของโลก สร้างความยั่งยืน สร้างผลกำไร สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมร่วมผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำไปพร้อม ๆ กัน
ผู้ประกอบการธุรกิจที่สนใจโซลูชันฉลาดผลิต หรือบริการติดตั้งระบบโซลาร์ ลงทะเบียนได้ที่ https://cutt.ly/BanpuNEXT-solarbpj-LTM หรือสอบถาม call center 02-095-6599
*ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดการติดตั้ง พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าและการปฏิบัติตามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
แหล่งข้อมูล
https://www.facebook.com/113397052526245/posts/1286668275199111/