ญี่ปุ่นพัฒนา “ตะเกียบไฟฟ้า” ทำให้อาหารมีรสเค็มขึ้น

เกลือ นับว่าเป็นหนึ่งในส่วนผสมขั้นพื้นฐานที่ช่วยให้อาหารมีรสชาติดีขึ้น อร่อยขึ้น แต่การบริโภคเกลือในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายของมนุษย์ได้

รู้หรือไม่ว่า ปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่ ๆ นั่นก็คือ “ตะเกียบไฟฟ้า” ที่จะช่วยให้ผู้บริโภคลิ้มรสชาติเค็มได้มากขึ้น โดยไม่ต้องใช้เกลือจริง ๆ ในปริมาณมาก หรือแม้แต่ในอาหารเพื่อสุขภาพที่มีโซเดียมต่ำ

โดยตะเกียบไฟฟ้านี้ เกิดจากการพัฒนาร่วมกันระหว่างนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเมจิของญี่ปุ่น และ Kirin ที่หลายคนรู้จักกันในนามผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้คนญี่ปุ่นบริโภคเกลือในแต่ละวันน้อยลง ตามเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นหลังพบว่า ชาวญี่ปุ่นบริโภคเกลือสูงกว่าคำแนะนำที่องค์กรอนามัยโลก (WHO) กำหนดอย่างมาก

แล้วตะเกียบไฟฟ้านี้มีหลักการทำงานอย่างไร ?

อธิบายง่าย ๆ ก็คือ บริเวณปลายตะเกียบข้างหนึ่งจะมีลักษณะเป็นโลหะ ที่เป็นตัวส่งกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ที่มีรูปแบบคลื่นไฟฟ้าจำเพาะเข้าไปในอาหาร ซึ่งจะส่งผลต่อไอออนของโซเดียมคลอไรด์ที่อยู่ในอาหาร ทำให้รสชาติเค็มขึ้น

และที่พิเศษก็คือ ยังส่งผลต่อไอออนของโมโนโซเดียมกลูตาเมต ซึ่งก็คือผงชูรส ทำให้อาหารรสชาติเค็มขึ้น และกลมกล่อมหรืออูมามิขึ้นด้วย

เมื่อไม่นานมานี้ ทั้ง 2 ผู้ร่วมพัฒนา ได้มีการทดสอบประสิทธิภาพของตะเกียบไฟฟ้ากับอาสาสมัคร โดยให้รับประทานอาหารในรูปแบบเจล ที่มีทั้งรสชาติธรรมดา และลดเค็ม รวมถึงทดลองเทียบระหว่างตะเกียบธรรมดา และตะเกียบไฟฟ้า

ซึ่งผลการทดลองพบว่า ตะเกียบไฟฟ้าช่วยเพิ่มรสชาติเค็มได้จริง โดยความเค็มเพิ่มขึ้นเกือบ 1.5 เท่า แม้ว่าจะประทานอาหารที่ทำจากเกลือลดลง 30% รวมถึงยังมีการทดสอบกับซุปมิโซะที่ใส่เกลือน้อยกว่าปกติ แต่ผู้ทดลองบอกตรงกันว่า ไม่เพียงแค่ซุปมิโซะจะมีความเค็มเพิ่มขึ้น แต่ยังมีรสชาติกลมกล่อมเพิ่มขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ดี หลายคนอาจตั้งคำถามว่า แล้วกระแสไฟฟ้าที่ใช้จะส่งผลกระทบต่อร่างกายหรือไม่ ทางนักวิจัยผู้อยู่เบื้องหลังตะเกียบไฟฟ้ายืนยันว่า กระแสไฟฟ้าที่ใช้นั้นอ่อนเกินไปที่จะมีผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์

นี่นับว่าเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพได้ ไม่แน่ว่า นอกจากเรื่องของความเค็มแล้ว ในอนาคตก็อาจจะมีตะเกียบไฟฟ้าที่ช่วยเพิ่มความหวานได้ โดยไม่ต้องใช้น้ำตาลจริง ๆ เพื่อช่วยลดการบริโภคน้ำตาลของผู้คน และผู้ป่วยโรคเบาหวาน ก็เป็นได้..

แหล่งข้อมูล

https://www.facebook.com/1387231808035873/posts/4961099543982397/