ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นปีทองของ Tesla ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก ที่มีรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยผลประกอบการในไตรมาสแรกของ ปี 2022 ที่เพิ่งประกาศออกมานี้ ก็พบว่ารายได้อยู่ที่ 16,861 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 570,400 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 87% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่วนกำไรอยู่ที่ 3,318 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 112,220 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 658% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
แม้ว่า Tesla จะยังเผชิญกับความท้าทายด้านการผลิต เช่น ราคาชิ้นส่วนบางรายการที่แพงขึ้นหลายเท่าตัว หรือโรงงานในเซี่ยงไฮ้ ที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์
นอกจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่ส่งผลให้บริษัทเติบโตอย่างเนื่องแล้ว ล่าสุด ในงานแถลงผลประกอบการ อีลอน มัสก์ CEO ของ Tesla ยังได้ประกาศถึงความเชื่อมั่นว่า
“ในอนาคต ธุรกิจหุ่นยนต์ของบริษัท ที่มีชื่อว่า Optimus จะมีมูลค่ามากกว่าธุรกิจรถยนต์ หรือธุรกิจเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ (Full Self-Driving) ด้วย”
โดยหุ่นยนต์ Optimus ที่ว่านี้ ก็คือ หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ (Humanoid Robot) หรือหุ่นยนต์ที่ออกแบบขึ้นมาโดยมีพื้นฐานมาจากร่างกายของมนุษย์ ที่ Tesla เคยพูดถึงครั้งแรกในงาน AI Day เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2021 ซึ่ง Tesla ตั้งใจว่า หุ่นยนต์นี้จะเข้ามาช่วยทำงานแทนมนุษย์ เช่น งานที่มีความอันตราย หรืองานในชีวิตประจำวันที่มีความซ้ำซาก จำเจ
ก่อนหน้านี้ Tesla ตั้งใจไว้ว่า จะมีการเปิดตัวหุ่นยนต์ Optimus อย่างเต็มรูปแบบครั้งแรกในปี 2022 แต่ดูเหมือนว่า จะยังไม่บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ เพราะเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ เพิ่งประกาศอีกครั้งว่า หุ่นยนต์ Optimus จะมีการเปิดตัวในปี 2023 หรือปีหน้า
อย่างไรก็ดี มีการตั้งถามกันว่า Tesla จะสามารถพัฒนาหุ่นยนต์ที่จะทำงานแทนมนุษย์ และนำมาวางขายในตลาดในเร็ว ๆ ได้จริงหรือไม่ รวมถึงจะสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้ขนาดไหน เพราะอย่างหุ่นยนต์ Atlas ของ Boston Dynamics ที่พัฒนากว่า 25 ปี หรือหุ่นยนต์ของ Honda, Toyota และ General Motors ที่เคยเปิดตัว ก็ไม่ได้สร้างมูลค่าทางธุรกิจเท่าไรนัก..
แหล่งข้อมูล
https://www.facebook.com/1387231808035873/posts/4968736646552020/