Superior A.R.T. ใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหาสุขภาพทั้งชายและหญิงจากปัญหามีบุตรยาก

Share

Loading

รู้หรือไม่ ภาวะมีบุตรยาก แม้ว่าสัดส่วนหลักจะมาจากฝ่ายหญิง แต่เอาเข้าจริงผู้ชายก็มีปัญหานี้ในสัดส่วนที่ไม่น้อยเหมือนกัน มีข้อมูลที่ระบุไว้อย่างน่าสนใจว่า ตั้งแต่ปี 1973 ถึงปี 2011 มีผู้ชายถึง 59% จากทั่วโลกที่ประสบปัญหาภาวะจำนวนอสุจิลดน้อยลง จนส่งผลให้การมีบุตรเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น  

โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ชายมีจำนวนอสุจิน้อยลง มาจากการสูบบุหรี่ การใช้ชีวิตแบบสุดโต่ง และได้รับมลพิษทางอากาศที่สูง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ส่งผลให้ฮอร์โมนของผู้ชายผิดปกติ และทำให้สร้างอสุจิได้น้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น

นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมในโลกปัจจุบัน ทำให้คู่รักยุคใหม่ตัดสินใจที่จะมีบุตรช้ากันมากขึ้น ซึ่งผลเสียที่ตามมาคือเมื่ออายุมากขึ้น ปัญหาด้านสุขภาพก็ตามมาเช่นกัน โดยนอกเหนือจากปัญหาเรื่องอสุจิที่น้อยลงของฝ่ายชาย อีกหนึ่งปัจจัยหลักมาจากคุณภาพไข่ของฝ่ายหญิง ที่ลดลงสวนทางกับอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีบุตรยาก

การฝากไข่ จึงเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่นิยมมากขึ้นในหมู่คู่รักที่มองว่าอยากมีบุตรเมื่อพร้อม เพราะเทคโนโลยีทางการแพทย์ดังกล่าวช่วยให้สามารถวางแผนครอบครัวได้ดั่งใจ นอกจากจะช่วยเก็บรักษาไข่ในช่วงที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดไว้ใช้เมื่อพร้อม ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์สำหรับผู้หญิงที่อายุมากขึ้น เมื่อเทียบกับการตั้งครรภ์เองตามธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมในตัวอ่อน รวมถึงคัดกรองโรคทางพันธุกรรมที่อาจจะส่งต่อไปยังรุ่นลูกได้อีกด้วย

ที่น่าสนใจคือ ธุรกิจนี้ไม่ได้มุ่งเจาะกลุ่มเฉพาะชาวไทยเท่านั้น แต่ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อย่างที่รู้กันว่า การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เป็นอีกหนึ่งปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งการแพทย์ไทยโดดเด่นเรื่องการให้บริการที่เหนือชั้น และยังเป็นที่รู้จักในด้านวิวัฒนาการที่ล้ำสมัย

และตอนนี้ อีกหนึ่งธุรกิจการแพทย์ที่กำลังมาแรง คือ “ธุรกิจรักษาผู้มีบุตรยาก” ที่มีการคาดการณ์ว่า ตลาดนี้จะมีมูลค่าตลาดสูงถึง 5,000 ล้านบาท จากข้อมูลของธนาคารกรุงไทย พบว่า ในปี 2024 มูลค่าตลาดการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของประเทศไทยจะมีมูลค่ามากกว่า 500,000 ล้านบาท ซึ่งด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ หรือ Reproductive Medicine คือ 1 ใน 3 เทรนด์การแพทย์สมัยใหม่ ที่จะช่วยผลักดันให้ไทยก้าวสู่ Medical Hub อย่างเต็มรูปแบบ และมีการคาดการณ์ว่าตลาดนี้จะเติบโต ราว 9% ต่อปีอีกด้วย

ต้องบอกว่า หลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, เกาหลีใต้ หรือแม้กระทั่งประเทศไทย กำลังประสบปัญหาอัตราการเกิดต่ำ ภาครัฐจึงมีนโยบายสนับสนุนให้ประชากรมีบุตรมากขึ้น ทำให้ตลาดด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ได้รับอานิสงส์ไปด้วย พอเป็นแบบนี้ ตลาดนี้เลยเป็นที่สนใจของบรรดาผู้ประกอบการรวมทั้งโรงพยาบาลในประเทศไทย

แต่ถ้าพูดถึงคลินิกชั้นนำของไทยที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการรักษาผู้มีบุตรยาก รวมถึงการวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อน ต้องมีชื่อของ “Superior A.R.T.” ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2007 จากความร่วมมือของแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์และเด็กหลอดแก้วในประเทศไทย และผู้ให้บริการด้านภาวะเจริญพันธุ์จากประเทศออสเตรเลีย

ที่น่าสนใจคือ Superior A.R.T. ให้บริการด้านการรักษาภาวะมีบุตรยากมาแล้ว กว่า 10,000 ครอบครัวจากหลากหลายประเทศทั่วโลก เช่น จีน, ออสเตรเลีย, อินเดีย, พม่า, สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกา รวมไปถึงนักท่องเที่ยวจากยุโรป ที่เดินทางมายังประเทศไทยเพียงเพื่อจุดประสงค์นี้

ถึงแม้ว่าจะมีกระแสตอบรับที่ดีจากชาวต่างชาติ แต่ Superior A.R.T. ยังเห็นถึงโอกาสที่จะมุ่งเน้นการบริการเพื่อตลาดผู้บริโภคคนไทย เพื่อให้คนไทยได้รับบริการที่ได้มาตรฐานสากล ควบคู่กับเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่าง IVF, ICSI, Egg Freezing และ PGT

แล้วอะไรคือปัจจัยที่ทำให้บริการของ Superior A.R.T. น่าสนใจ ?

– ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีการแพทย์

Superior A.R.T. มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทำให้การวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อน (PGT) ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นคลินิกแรกในเอเชีย ที่ประสบความสำเร็จในการรักษาผู้ป่วยที่เป็นธาลัสซีเมีย ด้วยการคัดกรองพันธุกรรมตัวอ่อนที่ปลอดโรคและมีเนื้อเยื่อที่เข้ากันได้กับบุตรที่ป่วย เพื่อใช้ในการปลูกถ่ายไขกระดูก สำหรับรักษาบุตรที่เป็นธาลัสซีเมียให้หายขาด ซึ่งตอนนี้รักษาได้สำเร็จมากถึง 12 คู่พี่น้อง

– อัตราความสำเร็จที่สูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

ที่ Superior A.R.T. มีห้องปฏิบัติการที่ได้รับ ISO 15189 และ ISO 15190 มาตรฐานเทียบเท่าห้องผ่าตัดหัวใจ มั่นใจกับผลการทดสอบของห้องปฏิบัติการ ที่มีความน่าเชื่อถือ แม่นยำ และมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามมาตรฐานระดับสากล

นอกจากนี้ ด้วยประสบการณ์ ความชำนาญ และการผสมผสานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย (ICSI+NGS) ทำให้ช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ได้สูงถึง 72%

– ดูแลทั้งร่างกายและจิตใจคู่สมรส

ต้องบอกว่า Superior A.R.T. มีทั้งแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ พยาบาล นักวิทยาศาสตร์ ทั้งด้านห้องปฏิบัติการเลี้ยงตัวอ่อนและห้องปฏิบัติการพันธุศาสตร์ บุคลากรที่ชำนาญการ ที่พร้อมออกแบบแผนการรักษาเฉพาะแต่ละคู่สมรส ดูแลใส่ใจรายละเอียดในทุกขั้นตอน และให้คำปรึกษา 24 ชั่วโมง ตลอดการรักษา

มาถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยว่า Superior A.R.T. มีการรักษาอะไรบ้าง ?

อย่างแรก คือ การตรวจหาสาเหตุภาวะการมีบุตรยากแบบพื้นฐาน ทุกครั้งก่อนที่จะมีการรักษา ทางคลินิกจะตรวจร่างกายของคู่สมรส สำหรับผู้หญิงจะใช้วิธีอัลตราซาวด์ร่วมด้วย เพื่อประเมินความพร้อมของมดลูกและรังไข่ ส่วนผู้ชายจะใช้วิธีตรวจวิเคราะห์น้ำเชื้ออสุจิ และตรวจเลือด เพื่อดูค่าฮอร์โมน โรคติดเชื้อต่าง ๆ และโรคธาลัสซีเมีย ทั้งหมดเพื่อประเมินความพร้อม และออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสม

ซึ่งการรักษาของ Superior A.R.T. ครอบคลุมตั้งแต่ การฉีดอสุจิเข้าโพรงมดลูก (IUI), การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI) และการตรวจวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อน (PGT)

โดยการรักษาด้วยการตรวจวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อน PGT จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท

– PGT-A หรือการตรวจคัดกรองโครโมโซมของตัวอ่อนก่อนการฝังตัว

เหมาะสำหรับคู่สมรส ที่ฝ่ายหญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป หรือคู่สมรสที่มีความจำเป็นต้องเลือกเพศของบุตรด้วยเหตุผลทางการแพทย์ ฯลฯ

– PGT-M/A หรือการตรวจคัดกรองพันธุกรรมตัวอ่อนในระดับยีนเดี่ยวก่อนการฝังตัว โดยใช้เทคนิค Karyomapping ที่จะคัดเลือกตัวอ่อนที่ปราศจากโรคทางพันธุกรรม

เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีประวัติโรคทางพันธุกรรม หรือคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่าย เป็นพาหะของโรคทางพันธุกรรม

– PGT-SR หรือการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครงสร้างโครโมโซมตัวอ่อนก่อนการฝังตัว

เหมาะสำหรับคู่สมรสที่มีประวัติแท้ง 2 ครั้งขึ้นไป เนื่องจากความผิดปกติของโครโมโซม หรือไม่ทราบสาเหตุ และคู่สมรสที่มีภาวะโครโมโซมสลับตำแหน่ง

นอกจากนี้ Superior A.R.T. ยังมีบริการอื่น ๆ เช่น การฝากไข่แช่แข็ง (Egg Freezing), การตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำเชื้ออสุจิ (Semen Analysis), การตรวจวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของ DNA ของอสุจิ (Sperm DNA Fragmentation Index), การแช่แข็งอสุจิ และการแช่แข็งตัวอ่อน

ที่ผ่านมา Superior A.R.T. มีเคสที่ประสบความสําเร็จอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เคสคู่สมรสที่ประสบปัญหา ภาวะรังไข่ตอบสนองไม่ดี, ท่อนำไข่ตีบตัน, เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่, ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) รวมถึงอาการของโรคซีสต์ต่าง ๆ หรือคู่สมรสที่ไม่ประสบความสำเร็จจากการทำ IVF หลายครั้งจากที่อื่น หรือที่มีภาวะแท้งบุตร โรคทางพันธุกรรมต่าง ๆ รวมถึงอีกหลายเคสที่มีความซับซ้อน

ซึ่งคุณเจมส์ มาร์แชล กรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการด้านวิทยาศาสตร์ ได้กล่าวว่า

“การฝากไข่ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับผู้ที่อยากจะมีบุตรในอนาคต เพราะเราไม่รู้ว่า ในอนาคตที่เราพร้อมจะมีบุตร ร่างกายของเราจะพร้อมแค่ไหน การฝากไข่จึงเปรียบเสมือนตัวเลือกทางการแพทย์ชั้นดีที่จะช่วยเราตอนที่เรามีปัญหานั่นเอง”

ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าคู่สมรสที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ มักประสบปัญหาภาวะมีบุตรยาก สูงถึง 15% ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจนี้เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง ไม่ใช่เพียงแต่ในตลาดไทย แต่ยังเป็นเทรนด์ที่เติบโตขึ้นทั่วโลก

สำหรับใครที่กำลังวางแผนครอบครัว อยากออกแบบชีวิตให้ได้ดั่งใจ ต้องการลดความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญในอนาคต หรือกำลังประสบกับปัญหามีบุตรยาก ควรเข้ารับการปรึกษาตรวจร่างกายเพื่อเตรียมตัว และรับการดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ นั่นเอง

แหล่งข้อมูล

https://www.facebook.com/1387231808035873/posts/4909081189184233/