ขณะที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังส่งผลให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ การละลายของน้ำแข็งที่ขั้วโลกและปัจจัยอื่นๆ ทำให้หลายพื้นที่ของโลกตกอยู่ในความกังวลต่อระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นจนอาจสร้างความเสียหายต่อที่อยู่อาศัยได้ นั่นคือสิ่งที่เราคุ้นตากับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในปัจจุบัน
แต่เมื่อเราเดินทางขึ้นเหนือไปถึงไอซ์แลนด์ ผลกระทบกลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม เพราะระดับน้ำทะเลของไอซ์แลนด์กำลัง ‘ลดต่ำลง’ แทนที่จะสูงขึ้นเหมือนที่อื่น
แต่การลดลงของน้ำทะเลไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลย รายงานจากหมู่บ้านเฮิฟน์ (Höfn) ริมชายฝั่งที่ระดับน้ำทะเลลดลงเรื่อยๆ ระบุว่าหลายปีที่ผ่านมามีกระแสน้ำเข้ามาน้อยลงกว่าที่เคย และช่องทางที่เรือประมงใช้เดินเหมือนถูกถมด้วยตะกอน มันสร้างความเสียหายให้กับเรือประมงและทางเศรษฐกิจ
สิ่งที่เกิดขึ้นที่ไอซ์แลนด์นั้น ในความเป็นจริงแล้วระดับน้ำทะเลไม่ได้ ‘ลดลง’ แต่ความร้อนที่เข้าปกคลุมทำให้ภูเขาน้ำแข็งที่เกาะตัวบนเกาะมาหลายร้อยปีละลายลงอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่ชาวไอซ์แลนด์เคยพบเห็นอย่างน้อยในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา การละลายของน้ำแข็งที่เคยปกคลุมหนาแน่นในพื้นที่ 1 ใน 10 ของประเทศทำให้เกาะไอซ์แลนด์ ‘เบาลง’ และยกตัวขึ้นจากน้ำทะเล
นอกจากน้ำหนักที่เบาลงแล้ว ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่มีคุณสมบัติในการดึงดูดน้ำทะเลให้เข้ามา ดังนั้นการที่มันละลายลงทำให้สูญเสียแรงดึงดูดดังกล่าวและทำให้น้ำไหลออกไปยังพื้นที่อื่นๆ ของโลก
อัตราการละลายของน้ำแข็งทำให้พื้นดินของไอซ์แลนด์ยกขึ้นราว 1.4 นิ้วต่อปี ความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้มีการประเมินว่าไอซ์แลนด์กำลังสูญเสียน้ำแข็งไปกว่า 10,000 ล้านตันต่อปี รวมถึงรายงานขององค์การอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือนาซา (NASA) ระบุว่า ไอซ์แลนด์อาจไม่มีน้ำแข็งอีกเลยในปี 2200
และหากน้ำแข็งที่ไอซ์แลนด์ละลายจนหมดจะส่งผลให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มขึ้นราว 1 เซนติเมตร
สิ่งที่น่ากังวลไม่ได้มีเพียงแค่นั้น นักวิจัยที่ได้ติดตามสถานการณ์ผลกระทบที่เกิดขึ้นในไอซ์แลนด์อย่างใกล้ชิดหลายปี ระบุว่า สิ่งที่อันตรายคือการยกตัวขึ้นของพื้นดินที่อาจนำไปสู่การปะทุของภูเขาไฟเพิ่มขึ้นได้ นี่เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่จากแรงดันที่เปลี่ยนแปลงไป
ในขณะที่ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเริ่มชัดเจนและอยู่ในรูปแบบที่หลากหลายเกินกว่าเราจะคาดเดา กลุ่มรณรงค์ทั่วโลกได้ลุกขึ้นมาเพื่อเรียกร้องขอให้รัฐบาลไอซ์แลนด์ และผู้นำจากนานาชาติมีมติร่วมกันในการจัดการปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
โดยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ได้ระบุว่า หากเราสามารถหยุดการใช้งานเชื้อเพลิงฟอสซิลได้ในวันนี้ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจะถูกล็อกไว้แค่ปี 2050 แต่ถ้าเรายังมีการปล่อยมลพิษอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าคงได้เห็นผลกระทบที่ใหญ่หลวงและยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้มากเช่นกัน
แหล่งข้อมูล
https://www.facebook.com/brandthink.me/posts/3332856880373174/