“Smart Park” นิคมอุตสาหกรรมไร้มลพิษ ผลิตสินค้าสะอาดป้อนตลาดโลก

Share

Loading

ภาพชินตาที่เราเห็นเมื่อเดินเข้าไปในนิคมอุตสาหกรรมหรือเดินผ่านโรงงานต่างๆ ก็คือ ปล่องควันระบายมลพิษที่พ่นควันออกมาเกือบตลอดเวลา เมื่อสะสมกันนานวัน นานปี นับจำนวนไม่ถ้วนทั่วโลก ก็เป็นต้นเหตุก่อปัญหาโลกร้อน และย้อนกลับมาทำลายสุขภาพในที่สุด กลายเป็นข้อตกลงของสหประชาชาติให้ทุกประเทศลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการสนับสนุนสินค้าทำลายสิ่งแวดล้อม

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จึงประกาศเจตนารมณ์เมื่อดำเนินการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค (Smart Park) ซึ่งเป็นนิคมฯอัจฉริยะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ให้เป็นนิคมฯลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยไม่อนุญาตให้มีปล่องระบายมลพิษทางอากาศแม้แต่ปล่องเดียว

“การพัฒนานิคมอุตสาหกรรม Smart Park ในพื้นที่มาบตาพุด ถือเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ ที่จะก้าวข้ามการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นฐานเดิม เพื่อรองรับอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง หรือ New S-Curve เสริมสร้างความเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่ทันสมัย ปลอดภัย ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ ภายใต้แนวคิด นิคมอุตสาหกรรมที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน” นรินทร์ กัลยาณมิตร ประธานกรรมการ กนอ.(บอร์ด กนอ.) กล่าวและว่า นิคมฯแห่งนี้จะมุ่งเน้นความเป็นนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลจากการเผาเพื่อผลิตความร้อน สอดคล้องกับมาตรการ Carrying Capacity ที่ไม่อนุญาตให้มีการระบายมลพิษทางอากาศเพิ่มเติมในพื้นที่มาบตาพุด รวมทั้งลดการปล่อยมลพิษทางการจราจรและขนส่ง

นอกจากจะไม่อนุญาตให้มีปล่องระบายมลพิษทางอากาศแล้ว กนอ.ยังร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย ส่งเสริมการใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกในการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม Smart Park ซึ่งปูนชนิดนี้มีวิธีการผลิตเช่นเดียวกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ธรรมดา แต่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ และได้รับการรับรองตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก (มอก. 2594-2556) ขณะที่การก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม Smart Park จำเป็นต้องใช้คอนกรีตผสมเสร็จประมาณ 120,000 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นปริมาณปูนซีเมนต์ประมาณ 40,000 ตัน บริษัท เทิดไท แอนด์ โค จำกัด ผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการ ได้ตอบรับนโยบายของ กนอ. ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์  ไฮดรอลิก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์การก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทดแทนปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ธรรมดาทั้งหมด ทำให้สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระยะก่อสร้างได้ถึงประมาณ 2,000,000 กิโลกรัม หรือเท่ากับปลูกต้นไม้ประมาณ 200,000 ต้นเลยทีเดียว

เป้าหมายสำคัญของนิคมฯ Smart Park คือบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ตามนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้ต้องบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี พ.ศ. 2593 เพื่อให้หมุดหมายดังกล่าวสัมฤทธิ์ผล กนอ. ได้ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการพลังงานภายในนิคมอุตสาหกรรม Smart Park ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดทดแทนการพึ่งพาเชื้อเพลิงจากฟอสซิล เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานไฮโดรเจน และพลังงานชีวภาพ เป็นต้น รวมถึงส่งเสริมระบบการขนส่งภายในโครงการที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดและปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ คาดว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระยะดำเนินการได้ถึงร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับนิคมอุตสาหกรรมที่พัฒนาบนพื้นฐานเดิม นอกจากนี้ยังมีนโยบายปลูกต้นไม้ในพื้นที่นิคมฯเพื่อเป็นแนวกันชนเชิงนิเวศ และทำหน้าที่ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ โดยคาดว่าจะลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศได้มากกว่า 500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวเสริมว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แสดงเจตจํานงต่อภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในการลดก๊าซเรือนกระจกของภาคอุตสาหกรรม กนอ. ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ที่มีภารกิจหลักด้านการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม และจัดให้มีบริการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการที่จำเป็นต่อการประกอบอุตสาหกรรม รวมทั้งระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย ตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะการลดก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรม จึงกำห นดนโยบายเพื่อมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำในการลดก๊าซเรือนกระจก และสนับสนุนให้กับผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรม/ท่าเรืออุตสาหกรรม ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพ โดย กนอ.ทำสัญญาจ้างก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม Smart Park กับ บริษัท เทิดไท แอนด์ โค จำกัด เริ่มต้นงานก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2564 กำหนดแล้วเสร็จพร้อมเปิดดำเนินกาได้ภายในปี 2567

การยกระดับมาตรฐานการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม โดยเป็นผู้นำในการลดก๊าซเรือนกระจก สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในหลายมิติ เช่น การส่งเสริมการวิจัย พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการจัดทำมาตรการหรือสิทธิประโยชน์เพื่อสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจแก่ผู้ประกอบการที่ต้องการผลิตสินค้าสะอาดออกไปขายในตลาดโลก ถือเป็นจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมยุคใหม่อย่างแท้จริง

แหล่งข้อมูล

https://www.salika.co/2022/05/10/eec-smart-park-thailand/