รู้ไหม นักเขียนสมัยนี้เริ่มใช้ AI เขียนงานแทนตัวเองแล้ว

Share

Loading

เราอาจเคยได้ยินมานานว่า AI จะมาทำงานแทนมนุษย์ และเราก็ได้ยินมานานมากๆ จนรู้สึกว่านี่มันก็แค่คำ ‘คุยโม้’ ของพวกบ้าเทคโนโลยีเท่านั้น

แต่จริงๆ สิ่งที่เราไม่ได้ตั้งคำถามเท่าไรก็คือ แล้วงานอะไรจะโดน AI ทำแทนที่ก่อนเพื่อน ซึ่งคำตอบเร็วๆ ก็คือ งานจำพวก ‘งานเขียนเชิงสร้างสรรค์’ นี่แหละ เพราะมันเป็นอะไรที่สร้าง AI มาทำงานแทนได้ง่ายมากถ้าเทียบกับงานอื่นๆ หรือถ้าเทียบกับงานกลุ่มเดียวกันที่ ‘ผลผลิต’ ออกมาเป็น ‘ตัวหนังสือ’ อย่างพวก ‘งานวิจัย’ ก็บอกเลยว่า AI ยังแทนได้ยาก

ไม่นานมานี้หลายคนคงคุ้นกับข่าวว่า AI ของ Google นั้นเริ่มมี ‘สำนึกรู้ตัว’ แล้ว และพูดคุยกับคนได้เหมือนเป็นคนคนหนึ่ง ดังนั้นมันก็ไม่แปลกหรอกที่เทคโนโลยีระดับนี้จะเอามาใช้สร้างงานเขียนที่ ‘เหมือนมนุษย์เขียน’ ได้สารพัด

แต่ถ้าเราคิดว่านี่คือเรื่องใหม่ เราก็เข้าใจผิดมากเช่นกัน เพราะในปี 2016 ที่ญี่ปุ่นมีการประกวด Hoshi Shinichi Literary Award แล้วเขาอนุญาตให้งานเขียน AI เข้าประกวดด้วย ผลคือ AI ได้เข้ารอบด้วย และมีลุ้นที่ 1 ด้วยซ้ำ

ซึ่งนั่นก็ผ่านมาแล้วถึง 6 ปี และคนที่ติดตามพัฒนาการของ AI ก็คงรู้ว่าพัฒนาการปีต่อปีมันก้าวกระโดดมาก และในทศวรรษที่ 2020 ผู้เล่นก็โผล่มายุ่บยั่บไปหมด เรียกได้ว่าทุกบริษัท IT ยักษ์ใหญ่มีปีกในการพัฒนา AI ของตัวเองกันหมด และ AI แต่ละตัวก็โหดๆ ทั้งนั้น และจริงๆ ตั้งแต่ในปี 2020 มันก็เริ่มมีคนเนิร์ดๆ ที่ให้ AI ผลิตบทความออกมาเผยแพร่แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ (ใช่แล้ว ให้มันเขียนล้วนๆ คนไม่อีดิตอะไรเพิ่ม) เพื่อทดสอบว่าคนจะรู้ไหมว่า AI เขียน

ผลก็คือ คนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้

คือ AI เขียนบทความในยุคปี 2020 มันไม่ใช่งานที่ดีแน่ๆ อาจมีความวกวน แต่คนอ่านจะรู้สึกว่ามันแค่ ‘เขียนไม่ดี’ จะไม่ทันได้ล่วงรู้ว่าคนเขียนนั้น ‘ไม่ใช่มนุษย์’

ถามว่านี่แปลกหรือเปล่า ก็บอกเลยว่าไม่แปลก เพราะฝั่ง AI ที่ผลิตภาพคนในช่วงเดียวกัน ก็ใช้วิธีแบบเดียวกัน คือผลิตภาพออกมาแล้วให้คนเดาว่านี่คือภาพคนจริงๆ หรือภาพสร้างจาก AI

พูดง่ายๆ การเล่นแบบนี้มันมีมาตลอด และเหตุผลสำคัญก็คือ ‘ราคา’ ในการใช้ AI มันถูกลงเรื่อยๆ เพราะมีหลายเจ้าผลิตมาแข่งกัน และก็ตั้งราคาแข่งกันสุดๆ เพื่อโปรโมตสินค้าของตัวเอง

ตัวอย่างที่เราอยากยกขึ้นมาอันหนึ่งคือ AI ที่ชื่อ GPT-3 ของบริษัท OpenAI (อันที่ อีลอน มัสก์ ร่วมก่อตั้งน่ะแหละ) ซึ่งฮิตมาก เพราะเขาเปิดให้ใช้ฟรี ซึ่งพอใช้ฟรี คนก็เอาไปพัฒนาต่อยอดเป็น AI อีกหลายตัว และตัวหนึ่งที่เราอยากพูดถึงในที่นี้คือโปรแกรมชื่อ sudowrite

โปรแกรมนี้ผลิตมาเพื่อนักเขียนโดยตรง คือเอาไว้สำหรับพวกที่แต่งนิยายทั่วไปแบบที่ต้องแต่ง 2 เดือน 1 เรื่อง แล้วก็ต้องเขียนให้ทันเดดไลน์ พล็อตมันก็จะซ้ำๆ เป็นแพตเทิร์นที่เดาได้ไม่ยาก

ทาง Verge ไปสัมภาษณ์คนที่ได้ลองใช้ แล้วเขาก็ยืนยันว่าใช้แล้วได้ผล คือมันจะช่วยเขียน แล้วเขาก็แค่อีดิตมัน ซึ่งพอเพิ่ม ‘ความเป็นมนุษย์’ ไปในตอนที่อีดิต คนอ่านไม่มีทางรู้ว่าดราฟต์แรกของนิยาย จริงๆ AI เป็นผู้เขียน

ซึ่งถามว่าทำไมนักเขียนถึงเริ่มใช้? มันก็กลับไปที่คำอธิบายข้างบน คือ AI เขียนนิยายได้เหมือนคนมาเกิน 5 ปีแล้ว หลังจากนั้นก็มีพัฒนาการมาตลอด แต่ถ้าราคาแพง ใช้ยาก คนก็ไม่ใช้ ประเด็นคือตอนนี้ตลาดมี AI หลายตัวมากๆ หลายเจ้าแข่งกันทั้งด้านคุณภาพและราคา ดังนั้นก็เลยมีการผลิตของถูกและใช้ง่ายให้ ‘คนทั่วไป’ ใช้ได้แล้วในตอนนี้

แถม sudowrite เนี่ย ทดลองใช้เดือนแรกฟรี เดือนต่อไปค่อยจ่ายเพียงเดือนละ 10 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 370 บาท (ในอัตราแลกเปลี่ยน ณ ต้นเดือนสิงหาคม 2022) เท่านั้น

และถ้าเราจ่ายแบบนี้ เขาก็ว่ากันว่าเราจะผลิตงานได้เร็วขึ้นเป็น 10 เท่า เพราะแค่บอกว่าจะให้เขียนเรื่องอะไร AI มันก็เขียนให้หมด เราแค่รออีดิตตอนจบ

ตรงนี้ ถ้าถามว่าเราจ่ายแค่เดือนละไม่ถึง 400 บาท แล้วผลิตงานได้เป็น 10 เท่าของงานเดิมในเวลาเท่ากัน ทำไมเราจะไม่จ่ายล่ะ? และนี่แหละเหตุผลที่น่าจะมี ‘นักเขียน’ มากขึ้นเรื่อยๆ ที่จะใช้ AI ในการทำงาน

และก็ไม่ใช่แค่ sudowrite จริงๆ ณ ปัจจุบันมี ‘เครื่องมือ’ แบบนี้ให้เราลองใช้ฟรีออนไลน์ดูว่า AI จะมีความสามารถเขียนได้ขนาดไหนแบบเต็มไปหมด อาทิ https://smodin.io/writer

เรียกว่าภายในทศวรรษ 2020 พวกงานเขียนระดับง่ายๆ ไม่ซับซ้อนอะไร หรือกระทั่งงานเขียนระดับกลางๆ นี่อาจไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องใช้มนุษย์ทำอีกต่อไป มีแค่บรรณาธิการคอยตรวจความเรียบร้อยก็เพียงพอ

แหล่งข้อมูล

https://www.facebook.com/brandthink.me/photos/a.1767934240198787/3404869166505278/