ส่องไอเดียสุดเฉียบจากบริษัทสตาร์ทอัพ ของอิสราเอล 2 รายที่ใช้ AI มามนุษย์ในการสู้กับภัยธรรมชาติ โดยรายหนึ่งมุ่งเป้าไปที่การตรวจจับไฟป่า ขณะที่อีกรายใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อติดตามและตรวจจับน้ำ ทั้งสองรายกลายเป็นสตาร์ทอัพดาวรุ่งที่น่าจับตา เมื่อได้รับรางวัลด้านสิ่งแวดล้อมจากกองทุนแห่งชาติของชาวยิว ประจำปี 2565 ซึ่งกองทุนนี้ได้ดำเนินการเกี่ยวกับปัญหานี้มาหลายปีแล้ว และกำลังลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเน้นที่การรักษาทรัพย์สินที่สำคัญที่ธรรมชาติส่งมอบให้กับโลกของเรานั่นคือป่าไม้และพืชพรรณต่างๆ คาดว่าเทคโนโลยีที่เป็นวัตกรรมเด่นนี้จะได้รับการต่อยอดและนำไปใช้อย่างกว้างขวางทั่วโลกในอนาคต
สำหรับ Eversense ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้พัฒนาเซ็นเซอร์กระตุ้นความร้อนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งตรวจจับไฟป่าในระยะแรกสุด และสามารถนำไปใช้งานได้ทั่วทั้งผืนป่า
Doron Honigsberg ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Eversense (เดิมชื่อ Knotifire) กล่าวว่าโซลูชันที่ใช้เทคโนโลยี AI นี้มีประสิทธิภาพในการใช้งานในทุกสภาพอากาศและไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษาแต่อย่างใด
โดย Honigsberg บอกถึงความแตกต่างระหว่างระบบของ Eversense กับระบบอื่นๆ ว่า “เมื่อเปรียบเทียบกับโซลูชันอื่นๆ ที่ต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานและไวไฟราคาแพง แต่อุปกรณ์เหล่านี้ของเราสามารถทำงานแยกจากกัน โดยติดตั้งได้ง่ายๆ ที่บริเวณโคนต้นไม้ และจากการที่เซ็นเซอร์ของ Eversense เป็นแบบกระตุ้นความร้อน ราคาไม่แพง ทำให้สามารถติดตั้งได้บนต้นไม้จำนวนมาก”
เขาตั้งข้อสังเกตว่าโซลูชันเทคโนโลยีที่ใช้รับมือกับไฟป่าส่วนใหญ่พึ่งพากล้องดาวเทียมหรือเครือข่ายเซ็นเซอร์ไร้สายในการทำงาน แต่อุปกรณ์ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ Eversense ต่างจากโซลูชันอื่นๆ ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดในขณะนี้ เพราะออกแบบมาเพื่อผลิตไฟฟ้าเองโดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ หรือพลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์ หรือแหล่งพลังงานภายนอกใดๆ นอกจากนี้ยังสามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนของการเกิดเพลิงไหม้ได้อีกด้วย
“เราตระหนักว่ามีปัญหาในการเชื่อมต่อเซ็นเซอร์กับกระแสไฟฟ้าภายนอกอาคาร แผงโซลาร์เซลล์ไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เพราะมีการโจรกรรมและการทำลายทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ส่วนแบตเตอรี่ก็ต้องมีการบำรุงรักษา ดังนั้นเราจึงมีความคิดว่าจะใช้ความร้อนจากไฟเพื่อจ่ายพลังงานให้กับเซ็นเซอร์”
Eversense เพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อต้นปี 2565 นี้ หวังว่าเซ็นเซอร์ของบริษัทจะเป็นประโยชน์สำหรับสถานที่อื่นๆ บนโลกใบนี้ที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าตามฤดูกาล เพราะภัยคุกคามจากไฟป่าเพิ่มขึ้นในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างที่เราเห็นในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มีไฟป่าครั้งใหญ่เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว ขณะที่ในยุโรปตอนใต้ อิตาลี กรีซ ตุรกี และไซปรัส ต่างก็เผชิญปัญหานี้อย่างหนักหน่วงเช่นกัน กระทั่งในอิสราเอลก็มีไฟไหม้ครั้งใหญ่ในเยรูซาเลมฮิลส์ และมีความเสี่ยงจากไฟป่าเพิ่มขึ้นทุกปี”
“ไฟป่า 90% เกิดจากมนุษย์ และเริ่มต้นจากประกายไฟเล็กๆ ที่ทำให้พืชที่ปกคลุมดินติดไฟ ก่อนจะเผาไหม้กิ่งก้านสาขาของต้นไม้ต่างๆ และลุกลามไปทั่วทั้งป่า” Honigsberg อธิบาย
สำหรับสตาร์ทอัพรายที่สอง คือ SightBit ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2563 ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองเบียร์ชีบาทางตอนใต้ของอิสราเอล โดยสตาร์ทอัพรายนี้ใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อตรวจจับสถานการณ์ไม่พึงประสงค์ในน้ำอย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะการตรวจสอบระดับน้ำท่วม
SightBi ใช้กล้องวงจรปิดที่มีเทคโนโลยีปัญญาภาพ เพื่อตรวจจับสถานการณ์น้ำที่เป็นอันตรายในพื้นที่ที่กำหนด อาทิ น้ำมันรั่วจากเรือขนส่งน้ำมัน น้ำท่วม และเตือนเจ้าหน้าที่ถึงเหตุการณ์เหล่านี้ที่อาจเกิดขึ้น
“สำหรับแม่น้ำ เราวัดข้อมูลโดยคำนึงถึงความจุ ทำให้เราสามารถเข้าใจรูปแบบและทำนายได้ว่าว่าน้ำจะท่วมเร็วๆ นี้ในพื้นที่ที่กำหนดหรือไม่” Adam Bismut ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง SightBit กล่าว
โดยระบบของ SightBit เป็นระบบเดียวที่ใช้ฟุตเทจจากกล้องเพื่อตรวจจับรูปแบบน้ำในแบบเรียลไทม์และคาดการณ์อันตรายที่อาจเกิดขึ้น
“บริษัทอื่นๆ หลายแห่งใช้เซ็นเซอร์หรืออุปกรณ์มากมายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน แต่ SightBit เพียงแค่ใช้กล้องเพื่อตรวจดูพื้นที่ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ ทะเลสาบ หรือชายหาด จากนั้นเราจะให้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง”
จอภาพ AI ซึ่งเดิมใช้เพื่อแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่กู้ภัยว่ามีผู้ที่กำลังจะจมน้ำ และนำเสนอข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของลม คลื่น และอันตรายต่างๆ จะถูกนำไปใช้เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม
ทั้ง Eversense และ SightBit ซึ่งชนะการแข่งขันจาก Extreme Weather Events ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้โดยกองทุนแห่งชาติของชาวยิว หรือ Keren Kayemeth LeIsrael-Jewish National Fund (KKL-JNF) จะได้รับรางวัลเงินสดรายละราว 21,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ
สำหรับ “อิสราเอล” เป็นที่รู้จักในชื่อ “Startup Nation” มานานแล้ว เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการก่อตั้งบริษัทด้านเทคโนโลยีมากที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร กำลังคน (manpower) ที่นั่นมีความคิดเชิงผู้ประกอบการและด้านเทคนิคสูง ซึ่งส่วนใหญ่เรียนรู้ซอฟต์แวร์ ความเป็นผู้นำ และทักษะการสื่อสารในกองทัพ ถือเป็นผู้ประกอบการโดยธรรมชาติ
นอกจากนี้ ยังเป็นผลมาจากการส่งเสริมและเน้นการศึกษาระดับที่สูงขึ้น รวมถึงการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา อีกทั้งรัฐบาลอิสราเอลยังช่วยเหลือการเติบโตของอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีด้วยการให้กู้ยืมเงินในอัตราต่ำ
แหล่งข้อมูล
https://www.salika.co/2022/09/22/environment-ai-israel-startup/