ถ้าใครตามพัฒนาการ AI มาตลอด ก็คงจะรู้ว่า เครื่องมืออย่าง AI ถูกใช้ในการเขียนบทความมานานแล้ว มีมาก่อนพวก AI วาดรูปที่เพิ่งฮิตกันเสียอีก มันมีแพลตฟอร์มตั้งแต่ Jasper ที่เขียนได้ทุกอย่าง CopyAI และ Neural Text ที่เอาไว้เขียน ‘ก็อปปี้’ โฆษณา Scalenut, Writesonic, Frase ที่เอาไว้เขียน SEO ไปจนถึง Ryter, Article Forge และ TextSpark ที่เอาไว้เขียนอะไรยาวๆ ตั้งแต่บทความวิชาการจนถึงนวนิยาย ซึ่งนี่ก็ยังไม่นับพวกแพลต์ฟอร์มตรวจไวยากรณ์แบบ Grammarly และ QuillBot ที่ก็เป็นเทคโนโลยีกลุ่มเดียวกัน
นับตั้งแต่ใช้ AI เขียนแทนได้ คนก็เริ่มเอามาทำสิ่งต่างๆ มากขึ้น และในหลายๆ ครั้งก็เรียกได้ว่าท้าทายวัฒนธรรมของการเขียนมาก และไม่ใช่แค่การเอามาเขียนบทความตีพิมพ์และไม่ให้คนรู้ (ซึ่งเล่นกันมาเยอะแล้ว) แต่คราวนี้เรากำลังพูดถึงอะไรที่ ‘ง่าย’ กว่านั้น อย่างการใช้ AI ‘เขียนการบ้านส่งอาจารย์’
เรื่องของเรื่อง ช่วงเดือนกันยาบน 2022 มีโพสต์ใน Reddit โดยคนที่อ้างว่าเป็น ‘เด็กนักเรียน’ คนหนึ่ง บอกว่าเขาใช้ AI เขียนการบ้านส่งอาจารย์ ได้เกรด A รวด ซึ่งเขาก็รับจ้างทำสิ่งเดียวกันนี้ให้เพื่อนๆ ด้วย ประเด็นมีแค่นี้ โดย ไม่ได้บอกว่าอยู่ประเทศอะไร? เรียนที่ไหน? ชั้นอะไร? ทำการบ้านวิชาอะไร? หรือกระทั่งเด็กที่ว่ามีตัวตนจริงๆ หรือไม่ แต่ประเด็นนี้พอถูกยกขึ้นมาถูกเถียงกันมากมายใน Reddit และลามไปยัง Twitter
ซึ่งก็แน่นอน ประเด็นเถียงกันที่น่าสนใจ มันไม่ใช่ประเด็นที่ดูล้าสมัยแบบว่า เรื่องนี้มัน ‘เหมาะสม’ หรือไม่? แต่ประเด็นคือ มันทำได้จริงไหม? และถ้าทำได้จริง แล้ง ครูบาอาจารย์ล่ะจะทำยังไง?
ประการแรก ทำได้จริงไหม คำตอบก็คือแล้วแต่เรื่อง คือบางเรื่อง AI บางตัวมันทำได้ดีมากจริงๆ แต่บางเรื่องก็เขียนไม่ได้ มันแล้วแต่ว่าเขา ‘ฝึก’ การเขียนของมันมาด้านไหนและแค่ไหน ซึ่งในกรณีของ ‘การบ้าน’ ที่เป็นการให้เขียนเรียงความ ก็บอกเลยว่าถ้าไม่ยากมากมันเขียนได้แน่ๆ
แต่เราก็ต้องเข้าใจอีกว่าสิ่งที่ AI เขียนมามันไม่ได้จบแค่นั้น แต่มันต้องมีการปรับแต่งอะไรอีก ให้ดูเป็น ‘ธรรมชาติ’ ขึ้น หรือพูดง่ายๆ AI เขียนแค่ ‘ดราฟต์แรก’ แต่เราต้องมา ‘จบ’ มันเองให้ดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งจริงๆ นั่นก็ประหยัดเวลาไปมากๆ และจริงๆ นี่คือสิ่งที่พวก ‘นักเขียนอาชีพ’ เริ่มใช้กันแล้ว คือให้ AI เริ่ม แล้วให้ตัวเองจบ แบบนี้มันทำงานได้เร็วขึ้นมาก และคนอ่านก็ ‘ไม่รู้’ ว่า ‘คนเขียน’ คือ AI แน่ๆ
ดังนั้นมันทำได้ชัวร์ ต่อมา แล้วครูบาอาจารย์จะทำยังไง?
ถ้าใครสอนหนังสือ หรือมีเพื่อนสอนหนังสือ ก็คงจะพอรู้ว่ามันมีพวกซอฟต์แวร์ตรวจการ ‘ลอกงานมาส่ง’ นานแล้ว แต่ประเด็นคือ ไอ้ซอฟต์แวร์พวกนี้ไม่มีทางตรวจเจอว่า AI เขียนบทความมา ดังนั้นพวกครูจึง ‘ไร้การป้องกัน’ หากเด็กใช้ AI ทำงานมาส่ง
เราคงจะไม่พูดเรื่องการ ‘สอนจริยธรรมเด็ก’ เพราะถ้าทำแบบนั้นทุกอย่างคงล้มเหลวไม่ต่างจากยุคก่อนที่อินเทอร์เน็ตไม่ได้มีความน่าเชื่อถือแบบตอนนี้ ครูก็จะมีคำสั่งแบบ ให้ไปค้นห้องสมุด อย่าไปค้น Google และ Wikipedia ซึ่งตอนนี้เราก็คงจะไม่ต้องพูดกันมากว่าไอเดียแบบนี้ ‘ล้าสมัย’ ไปแล้ว เพราะคุณไม่มีทางห้ามคนค้นได้ นี่คือวิถีของข้อมูลความรู้ในยุคใหม่
ในทางกลับกัน เอาจริงๆ ครูมีสองทางเลือก อย่างแรกคือสั่งการบ้านให้เขียนเองแบบเดิม โดยที่ทั้งรู้ว่าเด็กจะพยายามเอา AI เขียนมาส่ง คือครูก็ต้องไปลองเช็คว่า AI จะเขียนได้ไหมในประเด็นนั้นๆ ซึ่งครูก็อาจมีเทคนิคให้โจทย์ที่ประหลาดๆ แบบ AI เขียนไม่ได้แน่ๆ เพื่อให้เด็กต้องเขียนเองก็ได้
หรืออีกแบบ ครูก็อาจคิดถึงการให้การบ้านอีกแบบ คือสอนให้เด็กใช้ AI เขียนส่งเลย แต่มีความคาดหวังมากขึ้นว่าเด็กจะพัฒนาข้อเขียนจาก AI ขึ้นไปอีกขั้น คือยอมรับไปเลยว่ายังไงเด็กมันก็จะใช้ AI เขียนส่ง แต่อัปเกรดความคาดหวังจากงานไปอีกขั้น
นี่น่าจะเป็นวิธีคิดที่เหมากับ ‘ยุคใหม่’ มากกว่าการไปพยายามห้ามเด็กใช้สิ่งเหล่านี้ เพราะสุดท้ายถ้าสิ่งเหล่านี้เป็นมาตรฐาน ทุกคนใช้มันก็จะไม่ใช่การ ‘ขี้โกง’ อีกต่อไป ไม่ได้ต่างจากระบบ ‘ตรวจคำผิด’ ในพวกโปรแกรมตระกูล World Processor ทั้งหลาย ที่ทุกวันนี้แทบไม่มีใครแล้วจะมองว่ามันเป็นระบบที่ทำให้คนไม่จริงจังในการจดจำเรื่องการสะกดคำให้ถูกต้องเพราะยังไงคอมพิวเตอร์ก็แก้ให้
แหล่งข้อมูล
https://www.facebook.com/brandthink.me/photos/a.1767934240198787/3462166604108867/