ฟินแลนด์ พัฒนา ‘แบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า’ จากต้นไม้ ชาร์จไว ไม่ทำลายโลก

Share

Loading

บริษัทผลิตวัสดุหมุนเวียน สัญชาติฟินแลนด์ พัฒนา “แบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า” จากต้นไม้ ชาร์จไว ปลอดภัยแก่โลกและผู้ใช้งาน ทางเลือกใหม่ของอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด

ขณะนี้ผู้คนหันมาเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มากขึ้น เนื่องจากเป็นพลังงานสะอาด ทำให้อุตสาหกรรมแบตเตอรี่เติบโตขึ้นในทุกปี เมื่อความต้องการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น วัสดุที่ทำแบตเตอรี่จึงค่อย ๆ หมดไป การหาวัสดุมาทดแทนจึงเป็นภารกิจที่ท้าทายแก่โลก

นักวิจัยจาก Stora Enso บริษัทผลิตวัสดุหมุนเวียน ประเทศฟินแลนด์ ค้นพบว่า “ลิกนิน (Lignin)” หรือส่วนของผนังเซลล์พืช สามารถนำมาพัฒนาเป็นคาร์บอนที่ใช้ผลิต “แบตเตอรี่” ได้

ต้นไม้หนึ่งต้น จะพบลิกนินอยู่ประมาณ 30% ด้วยเหตุนี้ทางบริษัทจึงตัดสินใจเลือกใช้ลิกนินในการผลิตแบตเตอรี่ ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ “Lignode (ลิกโนด)” เพื่อเป็นพลังงานทางเลือก แทนที่เชื้อเพลิงฟอสซิล ก๊าซธรรมชาติ และคาร์บอนกราไฟต์ในแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ใช้ขับเคลื่อนยานพาหนะในปัจจุบัน

เนื่องจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในปัจจุบันใช้กราไฟต์ที่เป็นคาร์บอนฟอสซิล โดยสามารถขุดหรือทำจากวัสดุฟอสซิลอื่นๆ ภายใต้การทำเหมืองแร่ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่ตามมา

ลิกนินเป็นแหล่งชีวภาพที่มีมากเป็นอันดับสองของโลกรองจากเซลลูโลส ขณะนี้มีการนำลิกนินไปใช้ประโยชน์ด้านอุตสาหกรรมเพียง 2% เท่านั้น ทางบริษัทวางแผนที่จะพัฒนาแบตเตอรี่จากลิกนินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถนำมาเป็นวัสดุหมุนเวียนได้

กระบวนการผลิตแบตเตอรี่ Lignode1 เริ่มจากการแยกลิกนินออกจากเนื้อไม้ และกลั่นบริสุทธิ์จนได้ออกมาเป็นผงคาร์บอนละเอียด (Fine Carbon Powder) เพื่อใช้เป็นวัสดุสำหรับทำขั้วบวกลบของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ในชื่อ “ผงคาร์บอนแข็ง (Hard Carbon Powder)”

จากนั้นจะถูกนำมาใช้ต่อเพื่อผลิต “อิเล็กโทรดคาร์บอนแข็ง (Hard Carbon Electrode)” แบบแผ่นและม้วน ที่จะรวมกับขั้วไฟฟ้าบวก (Positive Electrodes) ตัวคั่น (Separator) อิเล็กโทรไลต์ (Electrolyte) และส่วนประกอบอื่น ๆ จนได้ออกมาเป็นแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนจากลิกนินในที่สุด

Stora Enso อธิบายว่า แบตเตอรี่ Lignode นี้จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถลดระยะเวลาการชาร์จลง 30 – 40 นาที เมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ทั่วไป และมีราคาที่ถูกลงกว่าแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนในปัจจุบัน

แบตเตอรี่ Lignode จึงนับเป็นนวัตกรรมที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ที่ส่งผลกระทบต่อโลกน้อย เป็นมิตรแก่สิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์แก่พฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคตที่คำนึงถึงความยั่งยืนมากขึ้น

แหล่งข้อมูล

https://www.bangkokbiznews.com/tech/innovation/1042675