เทคโนโลยีและนวัตกรรรม ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในตัวช่วยหลักที่จะช่วยยกระดับชีวิตผู้คนให้มีคุณภาพมากขึ้นได้ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่าง กรุงเทพมหานคร ที่ยังคงมีปัญหามากมายซึ่งยังรอการแก้ไข เพื่อมอบ “ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว” ให้กับคนกรุงได้
โดยล่าสุดมีข่าวดีว่า กรุงเทพมหานคร โดยการนำของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอีกหนึ่งหน่วยงานที่มีบทบาทในการขับเคลื่อน เทคโนโลยีและนวัตกรรม ให้เข้าถึงชีวิตคนไทยมากขึ้น อย่าง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้แถลงข่าวการลงนามความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อร่วมกันสนับสนุนการพัฒนารูปแบบและกลไกการดำเนินงานและการให้บริการของกรุงเทพมหานคร นำไปสู่การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ประชาชนมีความสุขมากขึ้น
โดยมีกรอบความร่วมมือครอบคลุมเรื่องการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก สวทช. เพื่อประยุกต์ใช้ในการสนับสนุนการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในมิติต่างๆ เช่น ด้านเศรษฐกิจ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนในด้านระบบการศึกษาและสาธารณสุข
โดยในโอกาสนี้ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวว่า
“กรุงเทพมหานครมีความยินดีขยายความร่วมมือกับ สวทช. ในครั้งนี้ เพื่อนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก สวทช. ไปใช้ในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับนโยบายและภารกิจของกรุงเทพมหานคร ซึ่งครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านความปลอดภัย สุขภาพ สิ่งแวดล้อม การศึกษา การเดินทาง เศรษฐกิจ และการบริหารจัดการ”
“ทั้งนี้การได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ในการพัฒนากลไกการดำเนินงานและการให้บริการของกรุงเทพมหานคร จะช่วยให้การบริหารจัดการแก้ปัญหาเมืองทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประชาชนชาวกรุงเทพมหานครมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข และสามารถพัฒนาเมืองให้น่าอยู่อย่างยั่งยืน”
“โดยทาง กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีความพร้อมที่จะพัฒนาความร่วมมือ 5 ด้าน กับ สวทช. เพื่อใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและเทคโนโลยีที่ สวทช. พัฒนาขึ้น ได้แก่
1 การบริหารจัดการจราจรด้วยระบบอัจฉริยะ (ITMS) เพื่อบริหารจัดการจราจรทั้งโครงข่ายและกวดขันวินัยจราจร
2 การตรวจแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine
3 การศึกษาทางไกล เรื่องสื่อการสอนวิทยาศาสตร์ให้มีคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน
4 ด้าน Open DATA เปิดเผยข้อมูลโปร่งใส
5 เรื่องการจัดการสิ่งแวดล้อม ทั้งปัญหาฝุ่นและขยะ เป็นต้น
“อย่างไรก็ตามการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวกรุงเทพฯในแต่ละด้านที่กล่าวมานี้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม มีส่วนช่วยในการทำงาน ซึ่งไปใช้ประโยชน์จะช่วยการปฏิรูปการทำงานของระบบราชการ จากการทำงานที่เคยเป็นแบบระบบท่อ ก็เปลี่ยนเป็นการรับเรื่องแก้ปัญหาอยู่บนแพลตฟอร์มและช่วยกันให้บริการประชาชน ซึ่งมีการแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงทีโดยที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครไม่จำเป็นต้องสั่งการด้วยตัวเอง ที่สำคัญทุกคนสามารถเห็นว่าทุกคำร้องใช้เวลานานเท่าไหร่ในการแก้ไขปัญหา และมีความโปร่งใสเท่าเทียมกันบนดิจิทัลแพลตฟอร์ม”
ด้าน ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า “สวทช. เป็นขุมพลังหลักของประเทศ ในการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติ และ สวทช. พร้อมสนับสนุนกรุงเทพมหานครในการพัฒนาเมืองอย่างเต็มที่”
“ดังตัวอย่างที่เห็นผลเป็นรูปธรรม เช่น การบริหารจัดการเมืองในรูปแบบเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City โดยกรุงเทพมหานครได้นำแพลตฟอร์ม Traffy Fondue พัฒนาโดยเนคเทค สวทช. ไปใช้ในการดูแลด้านความปลอดภัย ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านบริหารจัดการ เช่น การรับเรื่องร้องเรียน การแจ้งจุดเสี่ยง ความสะอาด การบริหารจัดการข้อมูลของเมือง”
“นอกจากนี้ สวทช. ยังมีผลงานวิจัยที่ส่งเสริมการดูแลสุขภาพให้พี่น้องประชาชน เช่น ระบบ A-MED Telehealth แพลตฟอร์มบริการทางการแพทย์ทางไกล ตัวช่วยบุคลากรทางการแพทย์ดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 กลุ่มสีเขียวและเหลือง ในช่วงวิกฤติการระบาดของโรคโควิด-19 รวมกว่า 1.3 ล้านคน ครอบคลุม 1,500 โรงพยาบาลทั่วประเทศ และเตรียมขยายผลสู่ A-MED Care โดยดำเนินการร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สภาเภสัชกรรม ร้านยาคุณภาพ สำหรับดูแลผู้ป่วยกลุ่มโรคทั่วไป โดยไม่ต้องมาโรงพยาบาล ช่วยลดการเดินทางและค่าใช้จ่ายผู้ป่วย รวมถึงลดความแออัดให้แก่สถานพยาบาล”
“ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีร้านขายยาในกรุงเทพมหานครที่ได้รับการตรวจสอบและขึ้นทะเบียนแล้วกว่า 600 ร้าน สามารถดูแลผู้ป่วยกว่า 10,000 คน”
อย่างไรก็ดี สวทช. พร้อมใช้ความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนา เทคโนโลยี รวมถึงแพลตฟอร์มบริการต่างๆ เพื่อเป็นแรงเสริมสำคัญด้านวิชาการที่จะมีส่วนช่วยสนับสนุนการทำงานของกรุงเทพมหานครให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น”
“ส่วนงานวิจัยที่ สวทช. โดยเนคเทค ได้นำร่องใช้กับกรุงเทพมหานคร อาทิ แพลตฟอร์มรับเรื่องและบริหารจัดการเมือง หรือ Traffy Fondue โดยประชาชนแจ้งปัญหาผ่าน Chatbot ทาง Line Application : @traffyfondue ซึ่งระบบจะวิเคราะห์ปัญหาและส่งไปให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบ ช่วยให้เจ้าหน้าที่แก้ไขปัญหาได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ตรงตามความต้องการของประชาชน ปัจจุบันมีผู้เข้ามาแจ้งปัญหาในกรุงเทพมหานครมากกว่า 180,000 เรื่อง ได้รับการแก้ปัญหาแล้วกว่า 120,000 เรื่อง (อ้างอิงข้อมูล www.traffy.in.th)”
“นอกจากนี้ในด้านการให้บริการสาธารณสุข เนคเทค สวทช. ได้พัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการส่งต่อผู้ป่วย (e-Referral) เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์หลังบ้านเพื่อส่งต่อผู้ป่วยจากระดับปฐมภูมิไปยังระดับทุติยภูมิ และส่งต่อไปยังตติยภูมิหรือหน่วยงานเฉพาะทาง และสามารถส่งต่อระหว่างจากหน่วยปฐมภูมิ (e-Referral) สู่โรงพยาบาล”
“โดยแพทย์สามารถติดตามข้อมูลการรักษาของผู้ป่วยทั้งสองฝั่งแบบ Real Time และส่งกลับเพื่อการรักษาได้ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ รองรับการทำงานการรับส่งต่อผู้ป่วยเพื่อดูแลต่อที่บ้าน (Home Health Care) ช่วยลดปัญหาความแออัดในการใช้บริการของผู้ป่วยในโรงพยาบาล ปัจจุบันมีโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานครใช้งานระบบ e-Referral แล้ว 7 แห่ง ได้แก่ 1. รพ.กลาง 2. รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ 3. รพ.ตากสิน 4. รพ.ราชพิพัฒน์ 5. รพ.สิรินธร 6. รพ.หลวงพ่อทวีศักดิ์ฯ และ 7. รพ.วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช”
แหล่งข้อมูล
https://www.salika.co/2022/11/28/kick-off-technology-and-innovation-for-bankok/