ศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา MQDC (FutureTales Lab by MQDC) เผยรายงานวิจัยโลกเสมือนจริง “Metaverse” 2 ฉบับกับอนาคตที่เป็นไปได้
ดร.การดี เลียวไพโรจน์ ผู้อำนวยการบริหาร ศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา (FutureTales Lab by MQDC) กล่าวว่า วิวัฒนาการและนวัตกรรม เป็นส่วนหนึ่งของทุกอุตสาหกรรม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจระบบนิเวศที่เราดำเนินการอยู่ “ความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลง ปรับตัว และความก้าวหน้านั้นเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่สิ่งสำคัญคือต้องทำด้วยการคิดเชิงคาดการณ์อนาคต และใช้หลักคาดการณ์อนาคตที่เหมาะสม”
การศึกษา Metaverse ของศูนย์วิจัยทำให้มีรายงานออกมา 2 ฉบับ
รายงานแรก ศูนย์วิจัยฯ ค้นพบ “4 อนาคตที่เป็นไปได้ของ Metaverse” บนสมมติฐานของการกระจายอำนาจ(decentralization) เมื่อจับคู่กับสองส่วนสำคัญของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
รายงานที่สอง คือการทดลองทางความคิดเรื่อง “จะเกิดอะไรขึ้นถ้า Metaverse สามารถหักล้างทฤษฎีที่มีมายาวนานได้” รายงานนี้เป็นการชวนให้ทุกคนมาคิดและจินตนาการไปด้วยกันว่าการรวมเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องจะส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเราในอนาคตข้างหน้าอย่างไร
ใน ‘Metaverse Building Blocks: The Four Scenarios’ รายงานของศูนย์วิจัยฯ ค้นพบ 4 สถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้ในอนาคต ซึ่งสามารถเล่าออกมาเป็นภาพได้ดังนี้
สถานการณ์ที่ 1: ดินแดนแห่งความเท่าเทียม (Autonomous Arcadia)
ดึงชื่อมาจากลักษณะการดำรงอยู่และการดำเนินงานที่เปิดกว้างและทำงานร่วมกันได้ ในอนาคต Virtuality ทำให้เกิดสังคมที่มีส่วนร่วม อนุญาตให้มีการผสมผสานระหว่างความเป็นจริง ทางกายภาพ และดิจิทัล ซึ่งสมาชิกทุกคนในสังคมเห็นคุณค่าและรู้สึกหวงแหน
สถานการณ์ที่ 2: สรวงสวรรค์ราคาแพง (Paid Paradise)
เป็นอนาคตที่การขาดการทำงานร่วมกันระหว่างในส่วนประกอบฮาร์ดแวร์ทำให้เกิดความแตกแยกที่ลึกยิ่งขึ้นในโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมที่กว้างขึ้น สิ่งนี้จะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของความไม่เท่าเทียมกัน
สถานการณ์ที่ 3: สวรรค์ของชนชั้นสูง (Elite Elysium)
เป็นตัวแทนของ “หอคอยงาช้าง” การเข้าถึงการใช้งาน metaverses เป็นสิทธิพิเศษและถือเป็นตัวบ่งชี้สถานะ – มีเพียง ‘ชนชั้นสูง’ ของสังคมเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าถึงความเป็นจริงนี้ ในขณะที่ชนชั้นอื่นไม่มี
สถานการณ์ที่ 4: กลเกมส์สิทธิบัตร (Leapfrog)
บริษัทฮาร์ดแวร์ขนาดใหญ่ทำข้อตกลงเพื่อเข้าถึงการพัฒนาและนวัตกรรม ผู้บริหารของแต่ละบริษัทต่างโยนสิทธิบัตรเข้าไปเผาในกองเพลิงเพื่อแสดงออกถึงการทำงานร่วมกัน แม้ว่าบริษัทซอฟต์แวร์ต่างๆจะออกมาบอกว่าพวกเขาจะทำตาม (โดยมีข้อเรียกร้องมากมาย) แม้ว่าอุปกรณ์จะทำงานร่วมกันได้ แต่ราคาของใบอนุญาตซอฟต์แวร์ก็จำกัดการมีส่วนร่วมและการเติบโต อาจดูคล้ายว่าทุกอย่างน่าจะดีขึ้น – แต่การปิดกั้นทางการจ่ายกำลังฉุดรั้งสังคมไว้
รายงานฉบับที่สอง ‘จะเกิดอะไรขึ้นถ้า Metaverse สามารถหักล้างทฤษฎี (ที่มีมายาวนาน) ได้’ เป็นแบบฝึกหัดความคิดหรือที่เราชอบเรียกในศูนย์วิจัยฯว่า “ยิมนาสติกทางจิต” เพื่อท้าทายรูปแบบการคิดและจิตใต้สำนึก
การวิจัยเชิงสำรวจนี้จะชวนให้คิดว่าการมี Metaverse อาจส่งผลกระทบต่อวิธีที่เราเข้าใจโลกรอบตัวเราหรือไม่และอย่างไร
แหล่งข้อมูล