ปัจจุบัน แนวทางการนำร่างมนุษย์ที่เสียชีวิตแล้วไปทำเป็นดินหรือปุ๋ย ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยก่อนหน้านี้รัฐในสหรัฐอเมริกา อย่าง วอชิงตัน โคโลราโด ออริกอน เวอร์มอนต์ และแคลิฟอร์เนีย ได้อนุมัติทางเลือกดังกล่าวแบบ ‘ถูกกฎหมาย’ แล้ว
เมื่อไม่นานมานี้ ‘รัฐนิวยอร์ก’ ก็กลายเป็นรัฐล่าสุด (นับเป็นรัฐที่ 6 ของประเทศสหรัฐฯ) ที่ผ่านกฎหมายอนุญาตการจัดการศพเพื่อให้ ‘เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม’ มากกว่าวิธีการดั้งเดิมที่นำจะไปเผาหรือฝัง โดยกระบวนการข้างต้นนี้ เรียกว่า ‘การย่อยสลายอินทรีย์ตามธรรมชาติ’ (Natural Organic Reduction) ซึ่งเป็นการนำศพไปใส่ในตู้คอนเทนเนอร์เหล็ก หรือในที่เก็บเฉพาะ พร้อมกับรองด้วยเศษไม้ชิ้นเล็กๆ หญ้า และฟาง อีกทั้งยังมีระบบควบคุมความชื้น รวมถึงสัดส่วนของคาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจน ออกซิเจน และความร้อน ให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ และแบคทีเรีย หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ร่างย่อยสลายเองตามกระบวนการทางธรรมชาติในระยะเวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ ทั้งนี้เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว ทางครอบครัวและญาติก็จะได้รับ ‘ปุ๋ย’ ที่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคต่างๆ แล้วกลับคืนไป ซึ่งจะนำไปเก็บหรือนำไปใช้ปลูกต้นไม้ ดอกไม้ ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของครอบครัว
ทางบริษัท Recompose ในนครซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ที่พัฒนาเทคโนโลยีนี้ระบุว่า วิธีจัดการศพแบบนี้ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 1 ตัน เมื่อเทียบกับวิธีดั้งเดิมอย่างการฉีดน้ำยาศพแล้วใส่โลงฝังดิน ซึ่งต้องใช้ไม้ ที่ดิน และทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ซึ่งถ้ามองในมุมของคนในยุคปัจจุบันก็อาจเรียกได้ว่าสิ้นเปลืองพลังงานมาก
บริษัทรีคอมโพสระบุว่า กระบวนการจัดการศพที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศในปริมาณมหาศาล เป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก ทางฝ่ายสนับสนุนการเปลี่ยนศพเป็นปุ๋ยก็ระบุเช่นกันว่า วิธีนี้ไม่เพียงจะเป็นทางเลือกที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเหมาะสมในทางปฏิบัติมากกว่า โดยเฉพาะในเขตเมืองซึ่งมีที่ดินฝังศพอย่างจำกัด
ขณะเดียวกัน แน่นอนว่าก็มีกลุ่มตัวแทนนักบวชคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกในรัฐนิวยอร์กที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการแบบนี้ และก็คัดค้านกฎหมายฉบับนี้มาตลอด เพราะมองว่าเป็นทางเลือกในการจัดศพที่ไม่เหมาะสม แม้สุดท้ายกฎหมายจะผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมสภา แต่คนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้หยุดรณรงค์คัดค้านแต่อย่างใด
เดนนิส เพาสต์ (Dennis Poust) หนึ่งในตัวแทนกลุ่มผู้ต่อต้านการทำศพเป็นปุ๋ยระบุว่า “ร่างกายมนุษย์ไม่ใช่ขยะครัวเรือน และเราไม่เชื่อว่ากระบวนการนี้ จะเป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติต่อศพของเรา”
นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีอีก 4 รัฐที่กำลังเดินหน้าผลักดันให้การทำปุ๋ยจากศพมนุษย์เป็นเรื่องถูกกฎหมาย ได้แก่ รัฐเดลาแวร์ อิลลินอยส์ แมสซาชูเซตส์ และมินนิโซตา
อย่างไรก็ตาม การทำปุ๋ยจากร่างมนุษย์นั้นเป็นสิ่งถูกกฎหมายมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้วในประเทศสวีเดน ส่วนการฝังศพโดยไม่มีโลงศพ หรือการใช้โลงศพที่ย่อยสลายได้ เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ในสหราชอาณาจักรเช่นกัน
แหล่งข้อมูล
https://www.facebook.com/brandthink.me/photos/a.1767934240198787/3544143249244535/