ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI กลายเป็นเทรนด์ไอทีของยุคนี้ไปแล้ว ในฝั่งผู้ใช้ทั่วไปคงกำลังว้าวกับ ChatGPT และ AI Generated หลาย ๆ ตัว ทว่าในฝั่งผู้นำโลกหรือทางการนั้น กลับมีความกังวลกันทั่วหน้า หลังมีแนวโน้มว่า AI อาจถูกนำมาใช้เป็นอาวุธในสงคราม !!
ในงานประชุมระดับโลกอย่าง REAIM ที่มีทั้งเนเธอร์แลนด์และเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ พร้อมสมาชิกกว่า 60 ประเทศทั่วโลก โดยมีประเทศจีนเป็นหนึ่งในนั้นด้วย ทั้งหมดได้เข้าร่วมกันถกปัญหาเกี่ยวกับ AI ที่อาจถูกใช้เป็น [เครื่องจักรอัจฉริยะ] ในการทำสงคราม ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงตามมาได้
จากการประชุมครั้งนี้เอง ก็นำไปสู่การลงนามข้อตกลง เพื่อยกระดับการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบในวาระทางการเมือง พร้อมสร้างข้อผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อกันไม่ให้เกิดการใช้ AI ทางทหารในทางที่ผิด
Bonnie Jenkins (บอนนี เจนกินส์) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ได้มีการเรียกร้อง ให้ทุกประเทศใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางทหารและการใช้เป็นอาวุธอัตโนมัติ
ทางด้าน Jian Tan ตัวแทนของประเทศจีนก็กล่าวในที่ประชุมด้วยว่า ประเทศต่าง ๆ ควรต่อต้านการแสวงหาความได้เปรียบทางทหาร และความเป็นเจ้าโลกโดยสมบูรณ์ผ่าน AI
สำหรับประเด็นอื่น ๆ ก็มีการลงนามตกลงใน AI ทางทหาร ว่าจะเพิ่มวิธีที่มนุษย์จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจด้วย กล่าวคือมนุษย์จะต้องเป็นผู้ตัดสินใจในครั้งสุดท้ายเสมอ ว่าระบบอาวุธอิสระนั้น จะเปิดฉากยิงใส่เป้าหมายที่มีชีวิตหรือไม่
ลองนึกภาพขีปนาวุธพุ่งเข้าใส่อาคารอพาร์ตเมนต์
Wopke Hoekstra (วอปเก ฮุกสตรา) รองนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์กล่าว พร้อมกล่าวเพิ่มอีกว่า จะเป็นยังไงหาก AI ยังสามารถระบุตำแหน่งของผู้รอดชีวิตได้ น่าประทับใจว่าเรามี AI อีกตัวที่ช่วยสกัดกั้นขีปนาวุธได้ตั้งแต่แรก ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่า AI มีศักยภาพในการทำลายล้างภายในไม่กี่วินาที
อนึ่งในที่ประชุมไม่มีทั้งรัสเซียและยูเครนเข้าร่วมด้วย อาจเนื่องด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน และอาจเป็นเหตุให้เกิดการประชุมในเรื่องนี้เอง
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ Eric Schmidt อดีตซีอีโอของ Google และ Alphabet เคยออกมากล่าวว่า AI สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในสงคราม ได้ ในระดับเดียวกับอาวุธนิวเคลียร์
แหล่งข้อมูล
https://www.techhub.in.th/reaim-global-conference-to-discuss-ai-uses-in-war/