TikTok เตรียมเปิดใช้เครื่องมือคัดกรอง “เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม” สำหรับเยาวชน

Share

Loading

TikTok เตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ผู้ปกครองสามารถควบคุมเนื้อหาและเวลาใช้งานได้สำหรับเยาวชน ช่วยคัดกรองเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมออกจากการรับชม

TikTok เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า บริษัทกำลังพัฒนาเครื่องมือที่จะช่วยให้พ่อแม่สามารถป้องกันไม่ให้วัยรุ่นดูเนื้อหาที่มีคำหรือแฮชแท็กบางอย่างบนวิดีโอแอปแบบสั้น ในขณะที่บริษัทกำลังเร่งปรับภาพลักษณ์

TikTok ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีของจีน ByteDance กำลังเผชิญกับการตรวจสอบครั้งใหญ่ทั่วโลกเกี่ยวกับความใกล้ชิดกับรัฐบาลจีนและการปกป้องข้อมูลของผู้ใช้งาน

แอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้ที่อายุน้อยนี้ ถูกแบนจากโทรศัพท์ของรัฐบาลในสหรัฐอเมริกา แคนาดาและประเทศอื่นๆ เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย

เช่นเดียวกับแอปสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆ TikTok ยังต้องเผชิญกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ดำเนินการไม่เพียงพอที่จะป้องกันวัยรุ่นจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม

TikTok กล่าวว่า การพัฒนาคุณลักษณะการควบคุมของผู้ปกครองกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และแอปฯ จะปรึกษาหารือกับองค์กรผู้ปกครอง เยาวชน และสังคมพลเรือนในการออกแบบเครื่องมือดังกล่าว

TikTok ยังประกาศคุณลักษณะใหม่ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจำกัดจำนวนเวลาที่พวกเขาใช้ในแอปพลิเคชัน บัญชีผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี จะมีระยะเวลาจำกัดโดยอัตโนมัติ 1 ชั่วโมงต่อวัน และวัยรุ่นจะต้องใส่รหัสผ่านเพื่อใช้งานแอปต่อไป หากวัยรุ่นเลือกที่จะลบขีดจำกัดรายวันและเลื่อน TikTok เป็นเวลามากกว่า 100 นาทีต่อวัน แอพฯ จะแสดงคำแนะนำในการตั้งค่าขีดจำกัดเวลา

ขณะนี้ผู้ปกครองสามารถกำหนดระยะเวลาการใช้งาน TikTok ของวัยรุ่นได้ตามวันในแต่ละสัปดาห์ด้วย

แอปพลิเคชัน TikTok ได้เปิดตัว Family Pairing โหมดแนะนำโดยผู้ปกครอง เพื่อใควบคุมเนื้อหาของเด็ก ๆ ที่อยู่ในวัยเรียนรู้ได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น

วิธีซ่อนโพสต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมบนหน้าฟีด

  • ในการกรองเนื้อหาไปที่แอป TikTok
  • เลือกปุ่มเมนูมาที่หน้าบัญชีของ
  • การตั้งค่าและความเป็นส่วนตัว
  • แนะนำโดยผู้ปกครอง เลือกดำเนินการต่อ
  • กดผู้ปกรอง จะมี QR คิวอาร์โค้ด ให้เรานำมือถือไปสแกนเพื่อเชื่อมโยงกับแอคเคาท์เด็ก

เมื่อเชื่อมโยงด้วยการลิงก์เสร็จสิ้น จะสามารถเลือกจำกัดเวลาหน้าจอของเด็กๆ และเนื้อหาได้ส่วนการตั้งค่าขีดจำกัดเวลามีตั้งแต่ 40 ถึง 120 นาที

แหล่งข้อมูล

https://www.springnews.co.th/digital-tech/835964