ปี 2023 เป็นปีที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับ AI เยอะมากระดับที่เรียกว่ามันกำลังจะ ‘ปฏิวัติ’ ชีวิตมนุษย์ในหลายมิติ อย่างไรก็ดีอีกสิ่งหนึ่งที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้มิติ ‘ซอฟต์แวร์’ อย่าง AI ก็คือมิติ ‘ฮาร์ดแวร์’ อย่างเทคนิคการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์แบบใหม่ที่มีราคาถูก
แน่นอน ถ้าพูดถึงฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ใหม่ๆ บางคนก็อาจนึกถึงเทคโนโลยีที่ดูล้ำ แต่ ‘แป้ก’ ไปในที่สุด ไม่ว่าจะแว่น VR ที่แพงจนไม่มีใครซื้อมาใช้ คือ Neuralink ของ อีลอน มัสก์ ที่สุดท้ายโดน ‘สกัดดาวรุ่ง’ ไปโดยองค์การอาหารและยาไปแล้ว เพราะมันไม่ผ่าน ‘มาตรฐานความปลอดภัย’ ของ ‘เครื่องมือทางการแพทย์’
แต่ที่จริงอุปกรณ์ที่น่าตื่นเต้นในปีนี้คือสิ่งที่เรียกว่า ‘PiEEG’ ซึ่งพูดง่ายๆ มันเป็นอุปกรณ์เสริมให้คอมพิวเตอร์จิ๋วยอดฮิตอย่าง Raspberry Pi นั้นสามารถ ‘รับคำสั่งจากสมอง’ ได้ตรงๆ
ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ PiEEG เป็น ‘บอร์ด’ ที่สร้างมาโดยเฉพาะให้เชื่อมกับพวก ‘หมวกจับคลื่นสมอง’ เพื่อส่งสัญญาณพวกนี้ไปยัง Raspberry Pi ตรงๆ
ถ้าสงสัยว่าทำไม อันนี้อยากมองว่ามันคือการ ‘ปฏิวัติ’ เทคโนโลยีอินเตอร์เฟสเลย ยุคแรกสุดเราจะสั่งคอมพิวเตอร์ต้องใช้แต่คีย์บอร์ด การมีเมาส์เข้ามาก็เป็นการปฏิวัติปฏิสัมพันธ์ของเรากับคอมพิวเตอร์มากๆ เพราะมันทำอะไรได้เยอะและเร็วขึ้น และพอมีทัชสกรีน ก็ทำให้เราสั่งคอมพิวเตอร์ได้อย่างละเอียดขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีขั้นต่อไปคือการสั่งคอมพิวเตอร์จากสมองตรงๆ เลย โดยอยากให้คิดว่ามันเป็นการสั่งคอมพิวเตอร์แบบใหม่ และมันจะทำให้เราควบคุมอุปกรณ์แบบใหม่ได้ และนั่นมีตั้งแต่ วาดภาพ เขียนเพลง ขับรถ ขับโดรน คุมแขนกล คุมชุดเกราะอัจฉริยะ หรือกระทั่งคุมหุ่นยนต์ และส่วนหนึ่งที่เราทำแบบนี้ได้ ก็เพราะภายใต้เทคโนโลยีไร้สายระดับ 5G การสั่งข้อมูลจากสมองไปยัง ‘เครื่องจักร’ ก็ทำได้ละเอียดมากๆ เพราะจะส่งข้อมูลได้เยอะมากในเวลาอันสั้น
นี่คือเทคโนโลยีที่จะทำให้เราขับรถด้วย ‘ความคิด’ ได้ หรือกระทั่งคุมหุ่นยนต์เป็นตัวๆ ก็ได้ และมาขนาดนี้แล้วจะไม่เรียกมันว่าเทคโนโลยีระดับปฏิวัติ ได้ยังไง
ซึ่งถามว่าอุปกรณ์พวกนี้มีในท้องตลาดไหม? คำตอบคือมีมาสักพักแล้ว เทคโนโลยีนี้มันไม่ได้ใหม่ แต่มันแพง
แต่ PiEEG นี่แหละที่ลดราคาลงมาได้เหลือเพียงประมาณ 10,000 บาทเท่านั้น โดยตอนนี้เขากำลังระดมทุนผลิตอยู่ และเนื่องจากเทคโนโลยีมันเจ๋งจัดๆ ยอดระดมทุนก็เลยทะลุเป้าเรียบร้อย
ซึ่งเราคงยังไม่เห็นอะไรตื่นเต้นจาก PiEEG ในกรอบเวลาระดับไม่กี่เดือน แต่เทคโนโลยีระดับนี้ มันน่าจะสร้างแรงกระเพิ่มใหญ่มากๆ ในระดับโลกในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้าแน่ๆ และถึงตอนนั้น การใช้คีย์บอร์ดหรือกระทั่งทัชสกรีนในการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ มันก็อาจจะดูโบราณแบบการมาใช้ ‘พิมพ์ดีด’ ในสมัยนี้ไปแล้วก็ได้
แหล่งข้อมูล
https://www.facebook.com/brandthink.me/photos/a.1767934240198787/3618188948506631/