EU (สหภาพยุโรป) อนุมัติข้อบังคับกฎหมายใหม่เพื่อให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีแบตเตอรี่ ต้องให้ผู้บริโภคสามารถเปลี่ยนเองได้ เพื่อนำแบตเตอรี่เก่ากลับมารีไซเคิลได้
EU เตรียมปรับกฎบังคับใช้ให้สมาร์ทโฟนทุกเครื่องต้องสามารถ “เปลี่ยนแบตเตอรี่เองได้” เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐสภายุโรปได้อนุมัติกฎใหม่ ซึ่งครอบคลุมการออกแบบ การผลิต และการรีไซเคิลแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้ทั้งหมดที่ขายภายในสหภาพยุโรป
- ผู้ผลิตต้องออกแบบสินค้าให้สามารถถอดแบตเตอรี่ออกจากอุปกรณ์ได้โดยง่าย หากต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มเติมต้องเป็นอุปกรณ์ที่หาซื้อได้ทั่วไป หรือหากเป็นอุปกรณ์พิเศษต้องแถมให้ฟรี และห้ามไม่ให้ใช้เทคนิคพิเศษสำหรับเปลี่ยนแบตเตอรี่ เช่น การอังความร้อนหรือใช้สารทำละลายเพื่อถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่
- ตัวผู้ผลิตเองต้องสำรองแบตเตอรี่ไว้ขายเป็นอะไหล่อย่างน้อย 5 ปีหลังจากวันที่ขายวันสุดท้าย และตั้งราคาไม่กีดกันช่างซ่อมอิสระหรือลูกค้าทั่วไป หรือหากใช้แบตเตอรี่มาตรฐานก็ไม่ต้องสำรองด้วยตัวเอง
- กฎนี้ไม่บังคับกับอุปกรณ์ที่ออกแบบเพื่อใช้ใต้น้ำเป็นหลัก หรืออุปกรณ์ที่ออกแบบให้ล้างน้ำได้, อุปกรณ์ที่ต้องการการจ่ายไฟต่อเนื่องจนต้องออกแบบให้แบตเตอรี่ต่อถาวรกับอุปกรณ์, ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์เฉพาะทาง
- ห้ามใช้ซอฟต์แวร์บังคับไม่ให้ผู้ใช้ซื้อแบตเตอรี่จากผู้ผลิตอื่น
กฎใหม่ยังกำหนดเป้าหมายที่เข้มงวดสำหรับการรวบรวมของเสียและการรีไซเคิลจากแบตเตอรี่เก่า เปอร์เซ็นต์สำหรับการเพิ่มขึ้นแต่ละครั้งในช่วงเวลาที่กำหนดระหว่างตอนนี้ถึงปี 2031
ซึ่งในอนาคตแบตเตอรี่เก่าจะต้องนำกลับมาใช้ใหม่จึงเป็นเหตุผลที่สหภาพยุโรปต้องการบังคับให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ออกแบบเพื่อให้แบตเตอรี่สามารถกลับไปรีไซเคิลได้อย่างง่ายดาย
แหล่งข้อมูล
https://www.springnews.co.th/keep-the-world/sustainable/840205