จากความตั้งใจที่จะนำเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศมาบูรณาการให้เกิดการใช้ประโยชน์กับประเทศไทยให้มากที่สุด โดยเฉพาะในภาคการเกษตร มาในวันนี้ จิสด้า หรือ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ได้แถลงข่าวที่น่ายินดีอย่างต่อเนื่อง หลังจากประกาศความพร้อมในการนำดาวเทียม THEOS-2 ขึ้นสู่อวกาศในเร็วๆ นี้แล้ว
ยังย้ำความมั่นใจว่าข้อมูลที่ได้จากดาวเทียม THEOS-2 จะถูกนำมาใช้ต่อยอดและพัฒนาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ แพลตฟอร์ม Dragonfly ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อบรรเทาปัญหาให้กับเกษตรกรในระดับรายแปลงด้วยข้อมูลที่แม่นยำ ทันสมัย ช่วยให้เกษตรกรสามารถติดตาม เฝ้าระวัง คาดการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเมื่อวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “Dragonfly แพลตฟอร์มเกษตรเชิงพื้นที่รายแปลง เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานราก” โดยมุ่งเน้นสร้างการรับรู้และขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มเกษตรเชิงพื้นที่รายแปลงรวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่รายแปลงเพาะปลูกข้าวได้อย่างเหมาะสมและเป็นระบบ
ในโอกาสนี้ ดร.สยาม ลววิโรจน์วงค์ โฆษก GISTDA และผู้อำนวยการสำนักประยุกต์และบริหารภูมิสารสนเทศ กล่าวว่า “GISTDA มีความตั้งใจที่จะนำเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศมาบูรณาการให้เกิดการใช้ประโยชน์กับประเทศไทยให้มากที่สุด โดยเฉพาะในภาคการเกษตร เทคโนโลยีจากดาวเทียมสามารถสร้างความสัมพันธ์ทั้งเชิงพื้นที่ เชิงเวลา และสร้างสัมพันธภาพกับเกษตรกร ผ่านแพลตฟอร์มเกษตรเชิงพื้นที่รายแปลงที่ชื่อว่า “Dragonfly””
“แพลตฟอร์ม Dragonfly นี้ ได้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหาของเกษตรกรในระดับรายแปลงที่แม่นยำ และทันสมัย ช่วยให้เกษตรกรสามารถติดตาม เฝ้าระวัง และคาดการณ์ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการวางแผนและบริหารจัดการแปลงเพาะปลูกได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่เริ่มปลูกจนกระทั่งขายผลผลิต”
““Dragonfly” หรือ “แอปแมลงปอ” นอกจากเข้าถึงง่าย ใช้งานได้สะดวกแล้ว ยังติดตามและเฝ้าระวังความสมบูรณ์ของพืชได้ทุกสัปดาห์ ไม่ให้พืชเสียหายหนักจนเกินแก้ไข พร้อมแจ้งเตือนการเฝ้าระวัง สภาพอากาศ บอกพื้นที่น้ำท่วม ภัยแล้งในแปลงและข้างเคียงได้ บอกราคารับซื้อผลผลิตทางการเกษตรที่เป็นปัจจุบัน แนะนำการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในนาข้าวที่เหมาะสม เพื่อลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมี รวมถึงมีเครื่องมือช่วยให้เกษตรกรจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย และผลผลิตในแต่ละวงรอบการเพาะปลูกได้ด้วย”
โฆษก GISTDA กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในด้านการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มนี้ ในระยะยาวและยั่งยืน
“อย่างไรก็ดี การขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม Dragonfly นี้จำเป็นต้องมีความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วน เพื่อการขยายผลต่อไปแบบก้าวหน้า ทั้งด้านข้อมูล เทคโนโลยี นวัตกรรม และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง รวมถึงความร่วมมือระหว่างประเทศด้วย”
“ทั้งหมดก็เพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตของภาคการเกษตรของไทยให้มีสมรรถนะสูงขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และในอนาคตอันใกล้นี้ช่วงต้นเดือนตุลาคมประเทศไทยกำลังนำส่งดาวเทียม THEOS-2 ซึ่งเป็นดาวเทียมรายละเอียดสูงมากในระดับ 50 เซนติเมตร ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ ข้อมูลจากดาวเทียม THEOS-2 ก็จะเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญและเสริมศักยภาพต่อการวางแผนและพัฒนาประเทศในหลากหลายมิติ ทั้งด้านการจัดการน้ำ ภัยพิบัติ ภาคการเกษตร ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านการผังเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจ ตลอดจนด้านความมั่นคงของประเทศต่อไป”
และด้วยความเป็น แพลตฟอร์ม Dragonfly จึงทำให้แพลตฟอร์มนี้มีการ update ข้อมูลตลอดเวลาและเท่าทันต่อสถานการณ์ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการตัดสินใจเพื่อวางแผนและการบริหารจัดการแปลงเพาะปลูกของตัวเองได้อย่างครบวงจรตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงขายผลผลิต
นอกจากนั้น 7 เหตุผลหลัก ทำไมเกษตรกรไทยต้องใช้ Dragonfly
- เข้าถึงง่าย ใช้งานสะดวกมีข้อมูลทันสมัย
- ส่งข้อความแจ้งเตือนสภาพอากาศทั้งก่อนปลูก ก่อนใส่ปุ๋ย และ ก่อนเก็บเกี่ยวเพื่อความคุ้มค่าทุกการลงทุน
- ช่วยจดบันทึก รายรับ – รายจ่าย และ ผลผลิตที่ได้ในแต่ละครั้ง
- บอกสภาพ น้ำท่วม และ ภัยแล้ว ทั้งในพื้นที่แปลงและบริเวณรอบข้างสามารถใช้เป็นหลักฐาน ประกอบการขอชดเชยเยียวยาความเสียหาย
- แสดงราคาผลผลิตทางการเกษตร ณ ปัจจุบันเป็นตัวช่วยในการขายทำกำไร
- ติดตามและเฝ้าระวัง ความสมบูรณ์ของพืชได้ทุกสัปดาห์ไม่ให้พืชเสียหายหนักเกินแก้ไข
- ช่วยลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมี ด้วยการคำนวณปริมาณปุ๋ยไนโตรเจนที่เหมาะสม
แหล่งข้อมูล
https://www.salika.co/2023/10/01/dragonfly-digital-platform-for-thai-agriculture/