เรือสำราญไร้มลพิษลำแรกของโลกภายใต้โครงการ Sea Zero ของบริษัท Hurtigruten ประเทศนอร์เวย์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอย่างจริงจัง จะมีใบเรือปกคลุมไปด้วยแผงโซลาร์เซลล์ และปลอดมลภาวะอย่างแท้จริง
ปัจจุบัน เรือสำราญและเรือเดินทะเลอื่นๆ มีส่วนรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกเกือบ 3% ในแต่ละปี ตามรายงานของ Pacific Standard ซึ่งถือว่าแย่กว่าสายการบินในแง่ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อผู้โดยสารหนึ่งคน โดยพบว่าปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยเฉลี่ยของบุคคลนั้นเพิ่มขึ้น 3 เท่าในขณะล่องเรือ
สายการเดินเรือในมหาสมุทรที่เป็นสมาชิกของ Cruise Lines International Association (CLIA) ซึ่งเป็นสมาคมการค้าอุตสาหกรรมเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 และลดอัตราคาร์บอนลง 40% ภายในปี 2573 (เทียบกับระดับปี 2551)
น่ายินดีที่มีผู้ริเริ่มอย่าง Hurtigruten บริษัทท่องเที่ยวผจญภัยสัญชาตินอร์เวย์อายุ 130 ปีแห่งนี้ผสมผสานหลักความยั่งยืนเป็นหัวใจหลักในการทำธุรกิจ ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมากในการกระตุ้นให้อุตสาหกรรมเดินเรือในภาพรวมบรรลุเป้าหมายที่สุดแสนจะท้าทายดังกล่าว
ที่ผ่านมา Hurtigruten คือผู้นำด้านพลังงานสีเขียวอย่างแท้จริง เพราะเลิกใช้ Hydrofluoroolefin (HFO) สำหรับกองเรือขนาดเล็กเมื่อกว่าทศวรรษที่แล้ว โดยหันไปใช้เชื้อเพลิงทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น น้ำมันแก๊สโซลีนและเชื้อเพลิงชีวภาพสำหรับการเดินเรือแทน
ในปี 2562 บริษัทฯ ได้เปิดตัวเรือสำราญที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ไฮบริดลำแรกของโลก (และอยู่ในขั้นตอนการแปลงกองเรือสำรวจที่เหลือไปใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ไฮบริด) และมีแผนการสำคัญในการพัฒนาเรือสำราญไร้มลพิษลำแรกของโลกภายในปี 2573
นอกจากนี้ Hurtigruten ยังเปิดใช้งานการเชื่อมต่อพลังงานชายฝั่งทั่วทั้งกองเรือเพื่อกำจัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขณะอยู่ในท่าเรือ และเป็นบริษัทเดินเรือแห่งแรกที่เลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวบนเรืออีกด้วย
ตามแนวคิดการออกแบบเรือสำราญลำนี้ที่บริษัทฯ เปิดเผย จะมีส่วนประกอบหลักที่เปรียบเสมือนเป็น “แท่นขุดเจาะติดปีก” ขนาดใหญ่ 3 ลำหรือใบเรือที่ออกแบบเป็นพิเศษลำแรกของโลก สามารถเก็บเกี่ยวได้ทั้งพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์
ใบเรือสามารถยืดหดได้ ดังนั้นจึงสามารถแล่นลอดใต้สะพานได้ตามเส้นทางเลียบชายฝั่งเส้นทางเดียวกับที่บริษัทฯ ใช้มานานกว่าศตวรรษ เมื่อสภาพลมหรือแสงแดดเหมาะสม พวกมันจะลอยขึ้นโดยอัตโนมัติ โดยจะสูงถึง 50 เมตร โดยมีพื้นผิวลมมากกว่า 743 ตารางเมตร และแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 1,486 ตารางเมตร (ในช่วงฤดูร้อน ภายใต้ดวงอาทิตย์เที่ยงคืนของนอร์เวย์ แผงโซลาร์เซลล์สามารถผลิตพลังงานได้อย่างต่อเนื่อง)
ทั้งนี้ พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์จะช่วยชาร์จแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จพลังงานหมุนเวียนเมื่อเรือจอดที่ท่าเรือบางแห่ง เนื่องจากบริษัทฯ เดินเรือเลียบชายฝั่งนอร์เวย์จะมีการแวะจอดบ่อยครั้ง การใช้พลังงานแบตเตอรี่จึงเป็นไปได้ แต่ในการเดินทางข้ามมหาสมุทร แบตเตอรี่จะต้องมีขนาดใหญ่มากจนไม่สมเหตุสมผล จนถึงตอนนี้ Hurtigruten กำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรหลายราย รวมถึงผู้พัฒนาแบตเตอรี่ชั้นนำ เพื่อให้ทุกอย่างบรรลุผลตามเป้าหมายที่วางไว้
นอกจากนี้ เรือสำราญยาว 135 เมตรลำนี้ ยังได้รับการออกแบบให้ประหยัดพลังงานได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยออกแบบรูปทรงให้มีความเพรียวบางเพื่อให้มีอากาศพลศาสตร์ การเคลือบตัวเรือจะช่วยป้องกันไม่ให้เพรียงหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ติดด้านข้าง ช่วยให้แล่นผ่านน้ำได้ราบรื่นยิ่งขึ้น ขณะที่ “การหล่อลื่นด้วยอากาศ” ซึ่งเป็นระบบที่ปกคลุมก้นเรือด้วยฟองอากาศเล็กๆ จะช่วยลดแรงเสียดทานได้เช่นกัน
ขณะเดียวกันก็คาดว่าระบบใบพัดที่ได้รับการปรับปรุงจะช่วยประหยัดพลังงานของเรือสำราญได้ 5%-10% ส่วนปัญญาประดิษฐ์จะช่วยปรับแต่งเส้นทางเดินเรือให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้านแอปพลิเคชั่นจะให้คำติชมเกี่ยวกับการใช้พลังงานของตนเองแก่แขก เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาประหยัดพลังงานมากขึ้น ในขณะที่คุณสมบัติบางอย่างมีการใช้งานอยู่แล้วบนเรือลำอื่นๆ ของ Hurtigruten
“เราต้องการยกระดับมันขึ้นไปอีกระดับและปรับให้เหมาะสม” Gerry Larsson-Fedde รองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการทางทะเลของบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้เสนอภาพรวมของโครงการพัฒนาเรือสำราญไร้มลพิษลำนี้ กล่าว
แหล่งข้อมูล
https://www.salika.co/2023/12/16/climate-tech-world-zero-emissions-cruise-ship-norway/