- เทคโนโลยี AI สามารถวิเคราะห์เครื่องสแกน fMRI ซึ่งบันทึกกิจกรรมของสมองในขณะนอนหลับแม้จะยังไม่สามารถเห็นภาพได้ก็ตาม แต่ถือเป็นการก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี
- เครื่องบันทึกฝัน (Dream Recording) ได้เริ่มนำเทคโนโลยี AI ร่วมกับเครื่องสแกน fMRI ซึ่งเชื่อว่าในเร็วๆนี้เราอาจได้เห็นการทดลองใหม่ๆที่มีความเกี่ยวข้องกับ AI เกิดขึ้นอีกทั่วโลก
- ปัจจุบัน AI ที่ใช้สร้างภาพความฝันนั้นยังไม่สมบูรณ์แบบ ซึ่งรายละเอียดบางอย่างอาจขาดหายไป และอาจถูกเพิ่มเติมด้วยรายละเอียดอื่นๆเข้ามาแทน
ญี่ปุ่นคิดค้นเครื่องบันทึกฝันด้วยการรวบรวมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และข้อมูลจากเครื่องมือแพทย์ fMRI ซึ่งสามารถทำให้ตรวจสอบการทำงานของสมอง ซึ่งในอนาคตเราอาจบันทึกและภาพในฝันของเราได้ทั้งหมด
ญี่ปุ่น ได้นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ร่วมกับเครื่องมือแพทย์ fMRI ซึ่งการนำข้อมูลจาก fMRI มาให้ AI เรียนรู้จะทำให้อนาคตเราสามารถบันทึกฝันออกมาเป็นภาพจริงๆได้ ซึ่งเราอยากชวนมาดูกันว่าน่าสนใจแค่ไหน
การศึกษาค้นคว้าของญี่ปุ่น แสดงให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นเมื่อปี 2023 โดยได้มีนักวิจัยบันทึกกิจกรรมของสมองของผู้ทดลองที่กำลังนอนหลับโดยใช้เครื่องสแกนการถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบทำงาน (fMRI) จากนั้นใช้การเรียนรู้ของเครื่องจักรเพื่อจำแนกวัตถุที่รับรู้ เช่น กุญแจ คน หรือเก้าอี้ จากกิจกรรมนั้น
ศาสตราจารย์ยูกิยาสุ คามิทานิ ใช้เครื่องสแกน MRI เพื่อถอดรหัสภาพจากความฝันของอาสาสมัการได้ด้วยความแม่นยำ 60% การศึกษาเน้นไปที่ช่วงเริ่มต้นของการนอนหลับ อาสาสมัการถูกปลุกขึ้นมาสั้นๆ และขอให้บรรยายภาพในความฝันของพวกเขา
ซึ่งภาพเหล่านั้นจะถูกจัดประเภท โดยการเปรียบเทียบกิจกรรมของสมองในระหว่างการนอนหลับกับกิจกรรมของสมองในขณะที่ดูภาพขณะตื่น ทีมวิจัยสามารถระบุภาพที่ปรากฏในความฝันได้
นักวิจัยหวังที่จะสำรวจระยะการนอนหลับที่ลึกกว่าและขยายการวิจัยไปยังด้านอื่นๆ ของความฝัน เช่น อารมณ์และสีสัน
อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้มุ่งเน้นไปที่ช่วงเริ่มต้นของการนอนหลับ ซึ่งเป็นสองระยะแรกของการนอนหลับที่เราจะเห็นภาพหลอน และไม่ได้ฝันถึงความฝันเลย พวกเขาเลือกวิธีนี้เพื่อให้ผู้เข้าร่วมตื่นขึ้นและสามารถอธิบายสิ่งที่พวกเขาเห็นได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งขั้นตอนในการสร้างความฝันขึ้นมาใหม่ เราจำเป็นต้องมีข้อมูล fMRI ที่มีรายละเอียดจำนวนมากจากอาสาสมัครที่กำลังฝัน เพื่อใช้ในการฝึก AI ขนาดใหญ่ อาสาสมัครจะต้องจำความฝันได้อย่างละเอียดมาก เพื่อที่เราจะได้ทราบว่าคำทำนายใดแม่นยำที่สุด นี่อาจเป็นส่วนที่ยากที่สุดในการบันทึกความฝัน และยังไม่ชัดเจนว่าจะสร้างข้อมูลประเภทนี้ได้อย่างน่าเชื่อถือได้
แต่ล่าสุด มีการศึกษาวิจัยที่ได้ผลิตชุดข้อมูลขนาดใหญ่ของกิจกรรมสมองด้วย fMRI ขณะที่ผู้เข้าร่วมที่มีสติรับชมวิดีโอหลายพันรายการ ฟังบันทึกเสียงพูด และอ่านข้อความ การใช้ AI ที่ได้รับการฝึกอบรมจากชุดข้อมูลเหล่านี้ ทำให้เราคาดการณ์ได้ว่าผู้ที่ตื่นนอนกำลังดูหรืออ่านอะไรอยู่
อย่างไรก็ตาม การตีความเนื้อหาของความฝันผิดอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดหรือแม้กระทั่งผลกระทบทางจิตวิทยาที่เป็นอันตรายหากไม่ได้รับการจัดการอย่างรอบคอบโดยผู้เชี่ยวชาญ
หากเราสันนิษฐานว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราจะมีข้อมูลเพียงพอที่จะสร้าง AI ดังกล่าวได้ และเรามีเครื่อง fMRI แบบพกพาที่เงียบพอที่จะให้คุณนอนหลับได้ขณะที่สแกนความฝันของคุณ นั่นแสดงว่าเรามีวิธีการที่เป็นไปได้ในการบันทึกความฝันแล้ว
ปัจจุบัน Generative AI เช่น Sora จาก OpenAI และ Lumiere จาก Google DeepMind สามารถสร้างวิดีโอที่เหมือนความฝันได้แล้ว
ก่อนหน้านี้เราอาจคิดเล่นๆว่า AI จะมาสร้างภาพความฝันของเราให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างได้ยังไง จริงๆ แล้ว AI ก็แค่จับคู่ภาพที่เคยเห็นมาร้อยเรียงกันเหมือนเอาภาพจาก Pinterest มาต่อกันให้ดูเป็นเรื่องราว แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีใหม่ๆกลับทำให้มันเป็นจริงได้
ลองจินตนาการดูว่าในอนาคตเราจะมีเครื่องบันทึกฝันที่ใช้ AI วิเคราะห์ความฝันของเรา แล้วบอกได้เลยว่าเราเป็นอะไรอยู่ เช่น กังวลเรื่องอะไร หรือเครียดกับเรื่องไหน เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น แล้วก็หาทางแก้ไขปัญหาได้ไวขึ้นด้วย
เทคโนโลยีบันทึกความฝันยังอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเข้าใจจิตใจมนุษย์และความฝันของเรา อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีการวิจัยและพัฒนาต่อไปเพื่อเอาชนะข้อจำกัดปัจจุบันและสำรวจความเป็นไปได้ทั้งหมดของเทคโนโลยีนี้
แหล่งข้อมูล