ทุกวันนี้ ศิลปินจำนวนมากก็ยังเชื่อว่า ไม่มีทางที่ AI จะทำงานศิลปะได้
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกวันนี้ หลายคนเริ่มยอมรับแล้วว่า งานออกแบบกราฟิก และทัศนศิลป์ เป็นอาชีพที่เสี่ยงจะถูก AI แย่งงานมากที่สุด เพราะใช้แค่ Algorithm ง่ายๆ AI ก็สามารถวิเคราะห์รูปนับล้านชิ้น แล้วออกแบบภาพใหม่ได้ทันที
นักเขียน นักข่าว ก็ไม่รอดพ้นเงื้อมมือ AI
ทุกวันนี้ มีใครบ้างที่ชี้ได้ว่า ข่าวชิ้นนี้ หรือบทความชิ้นนั้น ไม่ใช่ AI เป็นผู้เขียนขึ้น
เป็นเรื่องยากมาก ที่จะปกป้องวิชาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สายงานสร้างสรรค์ จากเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้งนี้
ยังไม่ต้องพูดถึง งานออฟฟิศธรรมดา ไม่ว่าจะเป็น นักวิจัยตลาด นักวิเคราะห์การเงิน งานจำพวกนี้ เกิดจากการทำซ้ำ ถ้าพูดแทน AI ก็ต้องบอกว่า หมูมาก
แล้วมีอาชีพอะไรบ้างล่ะ ที่พอจะต่อกร และยืนหยัดต่อไปได้ในยุค AI ครองโลกแบบนี้
แน่นอนว่า AI ไม่ใช่แค่กระแสชั่ววูบ แต่จะเป็นเทคโนโลยีที่คงอยู่ตลอดไป
ถ้าคุณยังมองหาอาชีพที่จะไปสู้กับ AI ไม่ได้ หนึ่งในวิธีเอาตัวรอดในยุค AI ก็คือไปเรียน สร้างทักษะ เพื่อปรับตัวให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในสายงานด้าน AI
นอกจากนี้ ก็แทบมองไม่เห็นหนทางที่จะอยู่รอดต่อไปได้ในยุค AI แต่ก็มีบางอาชีพที่ประกาศตัวว่า ไม่กลัว AI
เห็นได้ชัดว่า ผู้ที่เข้าใจการทำงานของ AI จะได้เปรียบอย่างมาก จากความสามารถเดิมที่มีอยู่ จะถูกขยายให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เพราะอย่างที่บอกไป AI สามารถสังเคราะห์ข้อความ รูปถ่าย ภาพเขียน วิดีโอ เพลง ภาพยนตร์ และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทำให้ AI กลายเป็นศิลปินที่มีเอกลักษณ์ได้ไม่ยาก
โจทย์นี้แก้ไม่ยาก ต้องถามกลับว่า งานอะไรที่ AI ทำไม่ได้ ตอบได้เลยว่า งานที่ต้องใช้ทักษะด้านการสื่อสาร การคิดเชิงวิพากษ์ และความเป็นผู้นำ คือสิ่งที่ AI ยังไม่มี
โอเคล่ะ แม้งานด้านการสร้างสรรค์ เช่น อาชีพศิลปิน ทัศศิลป์ นักออกแบบกราฟฟิก ไปจนถึงนักดนตรี และผู้กำกับหนัง พวกนี้เสี่ยงมากที่จะถูก AI แย่งอาชีพ
แต่งานสร้างสรรค์ประเภทอื่น ยังพอมีพื้นที่อยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็น นักวิทยาศาสตร์ แพทย์ นักกฎหมาย
แปลไทยเป็นไทยก็คือ ผู้คิดกลยุทธ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กลยุทธ์ทางกฎหมาย กลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ๆ การทดลองทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ และวิธีการรักษาใหม่ หรือตัวยาใหม่ๆ
แม้จากข่าวคราวที่ว่า AI สามารถตรวจจับมะเร็งได้ดีกว่ามนุษย์ แต่บทบาทของแพทย์ในการวินิจฉัยด้วยคุณวุฒิ และประสบการณ์ ยากที่จะถูกแทนที่ด้วย AI
รวมถึงงานด้านการพยาบาล พูดอีกแบบก็คือ อาชีพที่ต้องอาศัยความช่ำชองในการปฏิสัมพันธ์กับผู้คน เช่น ที่ปรึกษาทางธุรกิจ และนักสืบ นักข่าวเชิงลึก
เพราะงานเหล่านี้เป็นงานที่ต้องการความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับผู้คน และในตอนนี้ AI ยังไม่มีความสามารถในการโต้ตอบ ผ่านรูปแบบของมนุษยสัมพันธ์ได้
ข้อคิดสำคัญอีกประการในกรณี AI แย่งงานก็คือ คนที่มีการศึกษาสูง หรือมีตำแหน่งสูง มีรายได้สูง ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่า อาชีพจะไม่ถูก AI แย่งงานไป
แต่อนาคต พนักงานออฟฟิศจะถูกคุกคามจาก AI มากกว่าคนขับ GRAB เพราะ AI สามารถเขียนรายงานการประชุม
คุณลองนึกอาชีพคนทำความสะอาดห้องพักในโรงแรม มันเป็นเรื่องยากมากที่จะถูก AI แย่งงาน
นี่คือสาเหตุที่ว่า มนุษย์เงินเดือนการศึกษาสูงจำนวนมาก กำลังจะถูกรบกวนจาก AI มากกว่าคนงานที่มีการศึกษาน้อย
งานอีกประเภท เป็นอาชีพที่ต้องอาศัยทักษะ และความสามารถในการเคลื่อนไหว ความคล่องแคล่ว และความสามารถในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สามารถคาดเดาได้
แน่ล่ะว่า จากเดิมที่เราคิดเอาเอง ว่างานช่างเชื่อมโลหะ เป็นตำแหน่งงานที่หายไปจากตลาด และขาดแคลนอย่างหนัก เนื่องจากไม่มีใครอยากทำงานนี้ และไม่มีแม้คนสมัครเข้าอบรม AI จึงเข้ามาทดแทน
อย่างไรก็ดี งานช่างเชื่อมที่ต้องลงไปซ่อมบำรุงในสถานที่ยากๆ เช่น ช่างเชื่อมใต้น้ำ หรือในจุดที่ AI เคลื่อนไหวไม่สะดวก
โดยรวมก็คือ งานที่ใช้ทักษะหลายอย่าง เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างประปา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จัดอยู่ในกลุ่มอาชีพที่ต้องอาศัยทักษะ และความสามารถในการเคลื่อนไหว ความคล่องแคล่ว และความสามารถในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สามารถคาดเดาได้ งานประเภทนี้ เป็นงานที่ต้องอาศัยไหวพริบ ปฏิภาณ ที่ต้องรับมือกับสถานการณ์ใหม่ๆ ตลอดเวลา ดังนั้น อาชีพเหล่านี้จึงเป็นงานยากสำหรับ AI
และแน่นอนว่า ความเป็นมนุษย์ และทักษะของมนุษย์ที่มี ยากที่จะถูก AI แย่งงาน
แหล่งข้อมูล
https://www.salika.co/2024/08/27/what-jobs-can-ai-not-take-away-from-us/