ภูเก็ตดึง AI พลิกโฉม “ท่าเรืออ่าวฉลอง” สู่ “ท่าเรืออัจฉริยะ”

Share

Loading

ภูเก็ต ปรับโฉม “ท่าเรืออ่าวฉลอง” สู่ “ท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Pier)” ดึงระบบ AI คัดกรองผู้โดยสาร ยกระดับความปลอดภัย

อบจ.ภูเก็ต ปรับโฉมท่าเรืออ่าวฉลอง ด้วยการนำระบบ Ai มาใช้ เพื่อดูแลความปลอดภัย ด้วยการติดตั้งกล้อง CCTV คุณภาพสูง จำนวน 120 ตัว สามารถเก็บรายละเอียดของบุคคลที่ผ่านท่าเรืออ่าวฉลองได้ทั้งหมด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการมากถึง 50,000 คนต่อปี โดยจะเริ่มในเดือนพฤศจิกายนนี้  และถือเป็นท่าเรือแห่งแรกของภูเก็ตที่นำระบบนี้มาใช้

ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต อยู่ภายใต้การรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต โดยจะยกระดับเป็นท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Pier) ด้วยการนำระบบ AI มาใช้ในคัดกรองผู้โดยสาร การเก็บอัตลักษณ์หรือประวัติของนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการที่ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ซึ่งเมื่อเกิดกรณีนักท่องเที่ยวสูญหาย จากอุบัติเหตุทางทะเล ก็จะสามารถค้นหาประวัติหรือข้อมูลนักท่องเที่ยวได้ทันที ด้วยการติดตั้งกล้อง CCTV จำนวน 120 ตัว ซึ่งเป็นกล้องที่มีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถเก็บรายละเอียดของบุคคลที่ผ่านท่าเรืออ่าวฉลองได้ทั้งหมด 

นอกจากนี้ ยังมีห้องควบคุมที่สามารถเชื่อมโยงกับระบบความปลอดภัย-ความมั่นคงของทางจังหวัดได้  รวมถึงแผนในการซ่อมแซมโป๊ะเทียบเรือ ช่องจอดเรือยอชต์ จัดระเบียบการจราจรบนสะพาน และมีการซ่อมบำรุงสะพานเชื่อมท่าเทียบเรือให้สวยงาม แข็งแรง ลดความแออัด เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเฉลี่ย 4-5 พันคน ต่อวัน

“ในปัจจุบัน ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ถือว่าเป็นแห่งแรกในภูเก็ตที่นำระบบ AI มาใช้แบบสมบูรณ์ที่สุด ซึ่งระบบดังกล่าวจะเข้ามาดูแลด้านความปลอดภัย จากการถอดบทเรียนกรณีเรือฟินิกซ์ล่มจนทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย ซึ่งตอนนั้นไม่มีข้อมูลรูปพรรณสัณฐานใดๆ เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวเลย จึงทำให้ อบจ.ภูเก็ต ได้มีนโยบายที่ชัดเจนในการพัฒนาท่าเทียบเรืออ่าวฉลองขึ้นมา”

– นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต

การนำระบบ AI มาใช้จะช่วยในเรื่องฐานข้อมูลของนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ ลงทะเบียนผ่านทางอินเตอร์เน็ต โดยให้ผู้ประกอบการทัวร์ หรือ เจ้าของเรือ ลงทะเบียนรายชื่อผู้โดยสารหรือนักท่องเที่ยว ลูกเรือ กัปตัน และชื่อเรือ พร้อมเส้นทางการเดินทางของเรือ ก่อนเรือออกในแต่ละวัน พร้อมระบบรายงาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องได้ โดยนักท่องเที่ยวจะต้องมีการสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน ถ้าใบหน้าตรงกับตัวจริงก็สามารถผ่านไปได้ ซึ่งการให้บริการด้วยระบบ AI จะเริ่มใช้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต

ทั้งนี้ ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (ศูนย์ไข่มุก) ยังได้มีการพัฒนาปรับปรุงอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ในการปฏิบัติงาน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของรถตรวจการณ์สำหรับการปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยว เพื่อเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยในช่วงเทศกาลเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวในเดือนธันวาคมนี้

แหล่งข้อมูล

https://www.posttoday.com/smart-city/714538