‘Gogolook’ เปิดฐานที่ 2 ในไทย ชู AI ปราบมิจฉาชีพดิจิทัล

Share

Loading

ไทยศูนย์กลางใหม่ต้านภัยไซเบอร์ ‘โกโกลุก (Gogolook)’ ทุ่มงบลงทุน 10% เปิดสำนักงานใหญ่แห่งที่ 2 ชูเทคโนโลยี AI ปราบมิจฉาชีพในยุคดิจิทัล

ท่ามกลางสถานการณ์การหลอกลวงทางดิจิทัลที่กำลังระบาดหนัก “โกโกลุก (Gogolook)” บริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีเพื่อความเชื่อมั่น (TrustTech) ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน “Whoscall” หลังจากเปิดสำนักงานในไต้หวันเป็นที่แรก ก็ได้เลือกประเทศไทย เป็นสำนักงานใหญ่แห่งที่ 2 เพื่อเป็นฐานในการปกป้องผู้บริโภค และธุรกิจจากภัยมิจฉาชีพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เจฟฟ์ กัว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท โกโกลุก กล่าวว่า ภารกิจหลักของโกโกลุก คือ การให้บริการเทคโนโลยีเพื่อความเชื่อมั่น ผ่านโซลูชันที่ใช้นวัตกรรม AI เพื่อป้องกันการหลอกลวง และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้งาน

ทำไมต้องกังวลเรื่องการหลอกลวง? เนื่องจากตัวเลขบอกชัด – ผลการศึกษาวิจัยเรื่องต้นทุนที่แท้จริงของการฉ้อโกงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2566 (2023 True Cost of Fraud Study Asia Pacific) พบว่า ธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกกว่า 58% กำลังเผชิญกับการโจมตีจากมิจฉาชีพที่เพิ่มขึ้น และที่น่าตกใจคือ ทุกๆ 25 บาทที่ถูกหลอก ธุรกิจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาสูงถึง 80-128 บาท ไม่ว่าจะเป็นค่าดำเนินคดีหรือค่าชดเชยต่างๆ

นอกจากนี้ รายงานสถานการณ์การหลอกลวงจากมิจฉาชีพในภูมิภาคเอเชียประจำปี 2567 (Anti-Scam Asia Report 2024) ที่จัดทำโดย องค์กรต่อต้านกลโกงระดับโลก Global Anti-Scam Alliance (GASA) ร่วมกับ ScamAdviser ได้ประเมินมูลค่าความเสียหายที่ประชากร และธุรกิจได้รับจากการหลอกลวงทางไซเบอร์ใน 13 ประเทศทั่วภูมิภาคสูงถึง 688.42 พันล้านดอลลาร์

มิจฉาชีพได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI เพื่อก่ออาชญากรรมอย่างแพร่หลาย เช่น การขโมยข้อมูลส่วนบุคคล (identity thef) การแอบอ้างเป็นบุคคลอื่นในรูปแบบต่างๆ (impersonation scams)

รวมถึงการนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการยืนยันตัวตนลูกค้า (Know Your Customer or KYC)  ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมต่อต้านการหลอกลวงทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 129.2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2572 ทำให้การป้องกันแบบเดิมๆ อาจไม่เพียงพออีกต่อไป

โกโกลุกจึงจับมือกับ “ScamAdviser” พัฒนาโซลูชันที่ใช้ AI ต่อสู้กับ AI ด้วยฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวบรวมเบอร์โทรศัพท์กว่า 2,600 ล้านเลขหมาย และข้อมูลการหลอกลวงอื่นๆ อีกกว่า 60 ล้านรายการ

และยังมีบริการเด่นที่น่าสนใจคือ “Whoscall Verified Business Number” ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถยืนยันตัวตนผ่านเบอร์โทรศัพท์ เมื่อโทรศัพท์หาลูกค้า จะแสดงชื่อ โลโก้ และจุดประสงค์การติดต่อชัดเจน ช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้รับสาย และป้องกันการแอบอ้างจากมิจฉาชีพ

นอกจากนี้ ยังมีระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่คอยตรวจจับ และแจ้งเตือนการหลอกลวงในทุกช่องทาง ทั้งการโทรศัพท์ ข้อความ เว็บไซต์ และโซเชียลมีเดีย ปัจจุบันมีธุรกิจไทยกว่า 100 รายใช้บริการนี้แล้ว

“ปัจจุบันมีลูกค้าองค์กร และเอสเอ็มอีในภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่โลจิสติกส์ สถาบันการเงิน ประกันภัย และอสังหาริมทรัพย์ กว่า 100 บริษัทลงทะเบียนเพื่อยืนยันหมายเลขธุรกิจบน บริการ Whoscall Verified Business Number” แมนวู จู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกโกลุก ประเทศไทย กล่าว

อย่างไรก็ดี การมาถึงของโกโกลุกในไทยไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับการป้องกันภัยไซเบอร์ แต่ยังแสดงให้เห็นว่าไทยกำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยของภูมิภาค โดยบริษัทตั้งเป้าลงทุนในไทย 10% ของเงินลงทุนทั้งหมด

สำหรับแผนงานในอนาคตของบริษัท โกโกลุกมีแผนที่จะขยายบริการไปยังภาคเทคโนโลยีทางการเงิน และนำเสนอโซลูชันเพื่อป้องกันภัยจากอาชญากรรมไซเบอร์ให้เข้ากับความต้องการของภาคธุรกิจต่างๆ ทั้ง โทรคมนาคม และธุรกิจออนไลน์ เพื่อสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่ปลอดภัยและน่าไว้วางใจ

แหล่งข้อมูล

https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1151349