BYD กำลังพัฒนาชิปของตัวเอง ลดต้นทุน ท้าชน Tesla พร้อมบุกตลาดรถไร้คนขับ

Share

Loading

  • BYD กำลังพัฒนาชิปขับขี่อัจฉริยะของตัวเองเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ และควบคุมห่วงโซ่อุปทาน
  • BYD ท้าชน Tesla ด้วยกลยุทธ์การบูรณาการแนวตั้ง ควบคุมการผลิตทุกขั้นตอน ตั้งแต่แบตเตอรี่จนถึงชิป หวังนำเสนอรถยนต์อัจฉริยะในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า
  • การแข่งขันด้านชิปขับขี่อัจฉริยะจะส่งผลดีต่อตลาด คาดการณ์ว่ารถยนต์ราคาประหยัดจะมีเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติมากขึ้น กระตุ้นนวัตกรรม นำไปสู่การขนส่งที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากจีน กำลังเร่งเครื่องพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติด้วยการเดินเกมส์เชิงรุก ผลิตชิปขับขี่อัจฉริยะของตัวเอง เตรียมบุกเข้าตลาดรถไร้คนขับ ท้าชนเจ้าใหญ่อย่าง Tesla

ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ BYD ที่จะไม่เพียงแค่แข่งขัน แต่ยังอาจแซงหน้า Tesla ในสนามแข่งขันของรถอัจฉริยะที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว

การตัดสินใจพัฒนาชิปขับขี่อัจฉริยะของ BYD ซึ่งคาดว่าจะมีประสิทธิภาพในการประมวลผลสูงถึง 80 TOPS นั้น มีแรงผลักดันจากปัจจัยสำคัญหลายประการ

การควบคุมการผลิตชิปจะช่วยให้ BYD ลดต้นทุนได้อย่างมาก ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญในกลยุทธ์การนำเสนอระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ในรถรุ่นราคาประหยัด กลยุทธ์การกำหนดราคาเชิงรุกนี้มีศักยภาพในการตัดราคาคู่แข่งอย่าง Tesla และทำให้เทคโนโลยีล้ำสมัยเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

“ชิป” ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง จะช่วยให้สามารถใช้งานกับอัลกอริทึมซอฟต์แวร์ของ BYD ได้อย่างราบรื่น เพิ่มประสิทธิภาพของระบบ และช่วยให้สามารถพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติได้อย่างรวดเร็ว การทำงานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์นี้จะนำไปสู่ระบบ ADAS ที่มีประสิทธิภาพและทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น

การพัฒนาเทคโนโลยีหลักภายในองค์กรช่วยลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์ภายนอก เช่น Nvidia และ Horizon Robotics ทำให้ BYD มีอำนาจควบคุมห่วงโซ่อุปทานมากขึ้น กลยุทธ์นี้ช่วยให้ BYD สามารถกำหนดทิศทางเทคโนโลยีของตนเองและเร่งการสร้างสรรค์นวัตกรรมได้ดียิ่งขึ้น

ความมุ่งมั่นของ BYD ในการพัฒนารถยนต์อัจฉริยะไม่ได้จำกัดอยู่แค่การพัฒนาชิปเท่านั้น มีรายงานว่าบริษัทกำลังวางแผนที่จะรวมระบบขับขี่อัจฉริยะเข้ากับรถยนต์ทุกรุ่นในปีหน้า รวมถึงรถยนต์รุ่นราคาประหยัดอย่าง BYD Seagull

แนวทางที่ครอบคลุมนี้เน้นย้ำถึงความทะเยอทะยานของ BYD ในการทำให้คุณสมบัติ ADAS ขั้นสูงสามารถเข้าถึงได้ในรถทุกเซกเมนต์

แม้ว่า Tesla จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติมาอย่างยาวนาน แต่การผลักดันเชิงรุกของ BYD ในการบูรณาการแนวตั้งและการพัฒนาชิปภายในองค์กรถือเป็นความท้าทายที่น่าจับตามอง

BYD กำลังต้องการควบคุมห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด ตั้งแต่การผลิตแบตเตอรี่ไปจนถึงการพัฒนาชิป กลยุทธ์นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน เร่งการสร้างสรรค์นวัตกรรม และช่วยให้ BYD สามารถทำให้คุณสมบัติ ADAS ขั้นสูงเข้าถึงได้ในรถยนต์หลากหลายรุ่น

Tesla พึ่งพาซอฟต์แวร์ Full Self-Driving (FSD) และฮาร์ดแวร์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง รวมถึงซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Dojo สำหรับการฝึกอบรม AI แม้ว่า Tesla จะมีชื่อเสียงของแบรนด์ที่แข็งแกร่งและฐานลูกค้าที่ภักดี แต่รถ Tesla มีราคาสูงกว่า

การพัฒนาชิปขับขี่อัจฉริยะภายในองค์กรโดยผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เช่น BYD และ Tesla ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในอุตสาหกรรม เมื่อเทคโนโลยีเติบโตเต็มที่และต้นทุนลดลง

จึงคาดการณ์ได้ว่าจะมีการนำเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติมาใช้ในรถยนต์ราคาประหยัดมากขึ้น การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นนี้มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรม นำไปสู่โซลูชันการขนส่งที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในอนาคต

แหล่งข้อมูล

https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1154810