ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังพัฒนา Digital Twins of Human Organs หมายถึงฝาแฝดดิจิทัลของมนุษย์แต่ละคน ซึ่งมีการจำลองโครงสร้างและอวัยวะมนุษย์แต่ละคนออกมาเป็นรูปแบบดิจิทัล
ข้อมูลที่สามารถใช้สร้าง คู่แฝดดิจิทัล ของแต่ละคน เช่น
- ใช้MRI และCT scan เพื่อสร้างภาพ 3 มิติของอวัยวะ
- ใช้อัลตราซาวด์พิเศษที่สามารถวัดการไหลเวียนของเลือด
- ใช้การสแกนเพื่อระบุพื้นที่ที่มีความเสียหายของเนื้อเยื่อ
- ใช้ECG เพื่อวัดสัญญาณไฟฟ้าของหัวใจ
- วิเคราะห์การส่งผ่านสัญญาณไฟฟ้าในเนื้อเยื่อ
- ใช้สมการทางคณิตศาสตร์ในการคำนวณคุณสมบัติของเนื้อเยื่อ
- อ้างอิงจากผลการศึกษาที่มีอยู่เดิมเกี่ยวกับหัวใจมนุษย์
- ใช้ข้อมูลจากการวิจัยโรคที่ผู้ป่วยเป็น
โครงสร้างและอวัยวะของผู้ป่วยแต่ละคน จะถูกจำลองออกมาเป็นข้อมูลดิจิทัลที่เห็นภาพและมีข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนแบบองค์รวม ประโยชน์ที่ได้รับ เช่น
-แพทย์มีข้อมูลทุกด้านรวบรวมอยู่ในที่เดียวกัน วิเคราะห์และหาแนวทางรักษาได้ดีขึ้น
-มีแบบจำลองดิจิทัลของผู้ป่วยที่สามารถอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจขั้นตอนการรักษาต่างๆได้ดีขึ้น ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการรักษามากขึ้น
-จำลองแนวทางการรักษาแบบต่างๆกับฝาแฝดดิจิทัลได้ สามารถประเมินผลการทบได้ล่วงหน้า
-ข้อมูลที่ครบถ้วน ทำให้เห็นแนวทางการรักษาที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
-ในกรณีที่ต้องผ่าตัด แพทย์สามารถฝึกฝนการผ่าตัดแบบดิจิทัลกับฝาแฝดดิจิทัลของผู้ป่วยรายนั้นล่วงหน้า ลองผิดลองถูกก่อนผ่าตัดจริง ทำให้มีความชำนาญมากขึ้น คาดคะเนสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า เพิ่มเติมความแม่นยำในการผ่าตัด ลดความเสี่ยงเวลาผ่าตัดจริง
คาดว่าภายใน 5-10 ปีข้างหน้า Digital Twins จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาพยาบาล และจะพัฒนาไปสู่การสร้างแบบจำลองร่างกายทั้งหมดที่สมบูรณ์ ซึ่งจะปฏิวัติวงการแพทย์และการรักษาแบบเฉพาะบุคคล การรักษาผู้ป่วยจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การผ่าตัดหัวใจ หรือการรักษาโรคที่ซับซ้อน
แหล่งข้อมูล
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1078484687623540&set=a.687193000086046