‘Meta’ แชร์ 5 เทรนด์ ‘โซเชียล’ ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ยุคใหม่ปี 68

Share

Loading

  • Meta แชร์ 5 เทรนด์โซเชียลมีเดียที่ธุรกิจไทยควรให้ความสำคัญในปี 2568
  • มีผู้ใช้งานเครื่องมือสร้างสรรค์โฆษณาด้วย Generative AI อย่างแพร่หลาย
  • การลงทุนด้าน AI ของ Meta มุ่งเน้นไปที่การสร้างการเข้าถึงที่ไร้พรมแดน
  • 9 ใน 10 ของผู้บริโภคชาวไทยสื่อสารกับธุรกิจผ่านแอปพลิเคชันแชทระหว่างการซื้อสินค้า

ขณะที่ความชอบและพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โซเชียลมีเดีย ครีเอเตอร์ เพื่อน และครอบครัวกำลังกลายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนค้นพบและตัดสินใจใช้ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ประเทศไทยเองก็เช่นกัน

ข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาดอีมาร์เก็ตเตอร์ เผยว่า เอเชียแปซิฟิกยังคงครองฐานผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียทั่วโลกด้วยจำนวนผู้ใช้รวมกว่า 2.3 พันล้านคน นับว่าเติบโตรวดเร็วยิ่งกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลก และได้ตอกย้ำจุดยืนของภูมิภาคในฐานะฐานผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Gen AI เขย่าโลกธุรกิจ

Meta แชร์ 5 เทรนด์โซเชียลมีเดียสำคัญที่ธุรกิจไทยควรให้ความสำคัญในปี 2568 เพื่อให้ธุรกิจเชื่อมต่อกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และยังคงความเป็นผู้นำในตลาดอย่างต่อเนื่อง‘Meta’ แชร์ 5 เทรนด์ ‘โซเชียล’ ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ยุคใหม่ปี 68

1.Generative AI : ผู้บริโภคและธุรกิจนำ Generative AI มาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิในการทำงาน รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างเนื้อหา แนวคิด และโซลูชันใหม่ๆ

Meta พบว่ามีผู้ใช้งานเครื่องมือสร้างสรรค์โฆษณาด้วย Generative AI อย่างแพร่หลาย โดยผู้โฆษณามากกว่า 1 ล้านรายทั่วโลกใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นประจำเพื่อพัฒนาผลงาน ช่วงเดือนส.ค. 2567 เพียงเดือนเดียวมีชิ้นงานโฆษณามากกว่า 15 ล้านโฆษณาที่ใช้เครื่องมือเอไอของ Meta

พบด้วยว่า แคมเปญโฆษณาระดับโลกที่ใช้ฟีเจอร์การสร้างรูปภาพ (Image Generation) ของ Meta มีผู้คลิกดูโฆษณา (Click-through Rate : CTR) โดยเฉลี่ยสูงขึ้น 11% และ Conversion Rate (CVR) หรือสามารถปิดการขายได้สูงขึ้น 7.6% เมื่อเทียบกับแคมเปญที่ไม่ได้ใช้เครื่องมือเหล่านี้

ปิดดีลด้วย ‘ข้อความ’

2.การส่งข้อความเชิงธุรกิจ (Business Messaging) : เทรนด์การสื่อสารกับธุรกิจผ่านข้อความเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุด

Meta พบว่าเทรนด์นี้เกิดขึ้นทั่วโลก โดยผู้คนมากกว่า 1 พันล้านคนพูดคุยกับแบรนด์หรือธุรกิจผ่าน Messenger, Instagram และ WhatsApp ทุกสัปดาห์ ในเอเชียแปซิฟิกผู้บริโภคอย่างน้อย 1 ใน 3 แชทกับธุรกิจสัปดาห์ละครั้ง

ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในผู้นำในเทรนด์ โดย 9 ใน 10 ของผู้บริโภคชาวไทยสื่อสารกับธุรกิจผ่านแอปพลิเคชันแชทระหว่างการซื้อสินค้า และ 75% ของผู้บริโภคพิจารณาว่าการส่งข้อความทางธุรกิจมีผลกระทบอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อ

รายงานเทรนด์โซเชียลล่าสุดจากอีมาร์เก็ตเตอร์เผยว่า ผู้คนมีแนวโน้มที่จะแบ่งปันเนื้อหาบนโซเชียลและคุยกันผ่านการส่งข้อความส่วนตัวมากกว่าการโพสต์แบบสาธารณะ โดยพบว่าการแบ่งปันแบบส่วนตัว (private sharing) บนแพลตฟอร์มเติบโตขึ้น 100% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

กลุ่มคน Gen Z เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงนี้ เนื่องจากพวกเขายังคงหาวิธีเชื่อมต่อกับผู้อื่นในกลุ่มและชุมชนขนาดเล็กๆ

‘ครีเอเตอร์’ โอกาสเติบโตใหม่

3.ครีเอเตอร์ : เศรษฐกิจของครีเอเตอร์ในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ ครีเอเตอร์กลายเป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ที่สร้างโมเดลธุรกิจที่ขยายตัวได้ผ่านการร่วมงานเชิงกลยุทธ์กับแบรนด์ในประเทศและระดับโลก

งานวิจัยล่าสุดจากบริษัทการธนาคารเพื่อการลงทุน Goldman Sachs คาดการณ์ว่า มูลค่าของเศรษฐกิจครีเอเตอร์ระดับโลกอาจแตะถึง 480 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2570

อย่างไรก็ดี การค้นหาครีเอเตอร์ที่เหมาะกับการเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์ได้เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของแคมเปญ

นอกจากนี้ งานวิจัยอีกชิ้นจาก Meta ยังพบว่า 70% ของคนไทยพบสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ผ่านโซเชียลมีเดียทุกวัน โดย 75% เปิดเผยว่าคำแนะนำสินค้าจากครีเอเตอร์เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการตัดสินใจซื้อ

‘วิดีโอ’ ช่องทางทำเงิน

4.วิดีโอ : ผู้คนทั่วโลกกำลังบริโภคคอนเทนต์วิดีโอมากขึ้นเรื่อยๆ โดย Insider Intelligence คาดการณ์ว่า เวลาที่ใช้ในการรับชมโทรทัศน์และคอนเทนต์วิดีโอในปี 2568 จะมีเพิ่มขึ้น 15% ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ส่วนเวลาที่ใช้ในการดูวิดีโอบน Instagram และ Facebook ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน จากข้อมูลของ Meta เผยว่า 60% ของเวลาที่ใช้บนทั้งสองแพลตฟอร์มถูกใช้ไปกับคอนเทนต์วิดีโอ

อีกหนึ่งแนวโน้มที่น่าจับตามองคือ Livestreaming ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการวิจัยตลาดของบริษัท Decision Lab พบว่า 73% ของผู้คนเคยดูไลฟ์สตรีมเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ

โดย 66% ตัดสินใจซื้อสินค้าที่แสดงในไลฟ์นั้น และ 81% ดูไลฟ์เพื่อจะซื้อสินค้า และ 70% ซื้อสินค้าผ่านฟีเจอร์ชอปปิงในไลฟ์ นอกจากนี้ 79% ของผู้บริโภคในประเทศไทย ดูไลฟ์อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้งและ 70% ของผู้ชมกลับมาซื้อสินค้าเดิมอย่างน้อยหนึ่งครั้ง

คว้าโอกาส ‘ค้าข้ามแดน’

5.การค้าข้ามพรมแดน (Cross-Border Shopping) : ปัจจุบัน ผู้คนใช้เทคโนโลยีในการซื้อสินค้าจากทั่วโลกมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการตัวเลือกสินค้าที่หลากหลายยิ่งกว่าเดิม มีการคาดการณ์ว่าการค้าข้ามพรมแดน (Cross-Border Shopping) จะมีมูลค่า 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2571

โดยการค้าข้ามพรมแดนออนไลน์จะช่วยผลักดันการเติบโตของธุรกิจมากกว่าการค้าปลีกในประเทศถึง 2 เท่า จากงานวิจัยประจำปีในช่วงเทศกาลในเอเชียแปซิฟิกพบว่า อย่างน้อย 50% ของนักช้อปในประเทศไทยเคยซื้อสินค้าข้ามพรมแดนช่วงลดราคาตามเทศกาลต่างๆ

ที่ผ่านมา การซื้อสินค้าข้ามพรมแดนไม่ได้เฟื่องฟูขึ้นจากราคาสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดจากความต้องการที่จะได้ครอบครองแบรนด์ที่ไม่มีในประเทศของตน และการเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพสูงกว่า

งานวิจัยล่าสุดของ Meta เผยว่า 71% ของผู้ซื้อสินค้าข้ามพรมแดนเปิดกว้างต่อการชอปปิงจากแบรนด์ใหม่ๆ และ 61% ต้องการมีตัวเลือกสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น

ดังนั้น การลงทุนของ Meta ในด้าน AI จึงมุ่งเน้นไปที่การสร้างการเข้าถึงที่ไร้พรมแดน และเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการจับคู่สินค้าเข้ากับผู้คนได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและทรัพยากรที่กว้างขึ้น รวมถึงการสื่อสารกับลูกค้าได้หลากหลายภาษามากยิ่งขึ้น

แหล่งข้อมูล

https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1163339