สระบุรี โชว์ความก้าวหน้า ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์’ เมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกในไทย

Share

Loading

TCMA และจังหวัดสระบุรี รวมถึงภาคีเครือข่ายจากภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม เผยความสำเร็จ 1 ปี “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” ต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย ขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ยั่งยืนและเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด เน้นอุตสาหกรรมสีเขียว และสร้างมูลค่าเพิ่มจากคาร์บอน

กว่า 1 ปีที่ผ่านมา หลังการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2566 โครงการ “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” ได้สร้างความก้าวหน้าต่อเนื่อง และยังคงมุ่งสู่เป้าหมายสำคัญใน 5 ด้าน ได้แก่

  • การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
  • การส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียว
  • การเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้
  • การสนับสนุนเกษตรกรรมคาร์บอนต่ำ การเพิ่มพื้นที่สีเขียว

โครงการได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม พร้อมแสวงหาแหล่งทุนสีเขียวเพื่อสนับสนุนเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 5 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าภายในปี 2570

ดร.ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) และรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า TCMA  ซึ่งเป็นความร่วมมือของผู้ผลิตปูนซีเมนต์ชั้นนำของประเทศ และเป็นอุตสาหกรรมหลักในจังหวัดสระบุรี มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโครงการ “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์”

ปัจจุบัน TCMA กำลังเดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์สู่เป้าหมาย Net Zero หรือการปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 ตามแผน Thailand 2050 Net Zero Cement and Concrete Roadmap ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจและความพร้อมในการร่วมผลักดันให้ “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” กลายเป็นเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย

การดำเนินงานของ TCMA ครอบคลุมหลากหลายด้าน เช่น การพัฒนากระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ให้มีประสิทธิภาพและลดการปล่อยคาร์บอน การส่งเสริมความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานระดับนานาชาติ เพื่อหา แหล่งทุนสีเขียว (Green Fund) มาสนับสนุนการดำเนินโครงการอย่างยั่งยืน

ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ได้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการ “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” อย่างต่อเนื่อง ครอบคลุม 4 ด้านสำคัญ ได้แก่

1.การพัฒนากระบวนการผลิตและการใช้ผลิตภัณฑ์

  • วิจัยและพัฒนาวัสดุทดแทนปูนเม็ดเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิต
  • ใช้นาโนเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มคุณสมบัติของปูนซีเมนต์
  • ส่งเสริมการใช้งานปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกแทนปูนซีเมนต์แบบเดิม ซึ่งช่วยลดการปล่อยคาร์บอนกว่า 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ในช่วงปี 2566-2567
  • การพัฒนานี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เช่น การพัฒนาความรู้ การปรับเปลี่ยนเครื่องจักร การลงทุน และการปรับข้อกำหนดและมาตรฐานการใช้งานให้สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ใหม่

2.การพัฒนาเหมืองแร่สีเขียว (Green and Smart Mining)

  • นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร
  • บริหารจัดการพื้นที่เหมืองแร่ให้เกิดการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้ประโยชน์โดยชุมชน

3.การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด

  • ใช้เทคโนโลยีการนำความร้อนเหลือทิ้งมาผลิตไฟฟ้า
  • เพิ่มการใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ เชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass) และเชื้อเพลิงขยะ โดยใช้กระบวนการเผาร่วมในเตาเผาปูนซีเมนต์ (Co-Processing in Cement Kiln)
  • ลดการปล่อยคาร์บอนได้ประมาณ 9-12 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี
  • ลดฝุ่น PM 2.5 จากการเผาในภาคเกษตร พร้อมสร้างรายได้เสริมให้เกษตรกร
  • ช่วยจัดการขยะในจังหวัดสระบุรีอย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งสู่เป้าหมายการฝังกลบขยะเป็นศูนย์

4.การสร้างมูลค่าเพิ่มจากคาร์บอน

  • วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการใช้ประโยชน์จากคาร์บอน เช่น การเปลี่ยนคาร์บอนให้เป็นเมทานอล

ความสำเร็จเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในการสนับสนุนเป้าหมายเมืองคาร์บอนต่ำ และสร้างความยั่งยืนให้แก่สิ่งแวดล้อมและชุมชนในจังหวัดสระบุรี

นอกจากนี้โครงการ “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” ได้รับการยอมรับในฐานะกลุ่มคลัสเตอร์อุตสาหกรรมแรกของไทยที่เข้าร่วม โครงการ Transitioning Industrial Clusters ขององค์กรระดับโลกอย่าง World Economic Forum ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนผ่านสู่เมืองคาร์บอนต่ำ

แม้ว่าการดำเนินโครงการในปัจจุบันจะมีความคืบหน้ามากจากจุดเริ่มต้น แต่การขับเคลื่อนให้สระบุรีแซนด์บ็อกซ์บรรลุเป้าหมายการเป็นเมืองคาร์บอนต่ำยังคงต้องการความร่วมมือที่แข็งแกร่งในหลายด้าน ทั้งการนำนวัตกรรมมาใช้ การทำงานแบบข้ามภาคส่วน และความเป็นผู้นำของผู้มีบทบาทสำคัญในแต่ละส่วน รวมถึงการสนับสนุนจากระดับนานาชาติ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน

บัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า โครงการ “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” เกิดจากความร่วมมือของหลายภาคส่วน โดยมีหลักการทำงานร่วมกัน 4 ข้อ คือ

  1. ลงมือทำทันที
  2. ไม่มีถูกหรือผิด สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานได้ตลอดเวลา
  3. เห็นต่างได้ แต่ต้องไม่ขัดแย้ง หาทางออกที่เหมาะสมร่วมกัน
  4. ทำงานด้วยรอยยิ้ม เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่สนุกและสร้างสรรค์

จังหวัดสระบุรีพร้อมเป็นพื้นที่นำร่องสำหรับการทดลองเทคโนโลยี นวัตกรรม และการวิจัย โดยตั้งเป้านำผลการทดลองไปปรับใช้และขยายผลในพื้นที่อื่นๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลชัดเจนในอนาคต

นอกจากนี้ โครงการยังมุ่งเน้นให้ประชาชนในจังหวัดสระบุรีได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง ทั้งในด้านรายได้ คุณภาพชีวิต และการมีทรัพยากรเพียงพอ โดยการดำเนินงานในอนาคตจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะการสนับสนุนนโยบายจากภาครัฐ

หากทุกภาคส่วนทำงานร่วมกันอย่างมีเป้าหมายชัดเจน โครงการสระบุรีแซนด์บ็อกซ์จะเป็นตัวอย่างสำคัญที่สามารถขยายผลสู่จังหวัดอื่นๆ และช่วยให้ประเทศบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ตามแผน

แหล่งข้อมูล

https://www.bangkokbiznews.com/environment/1163887