สำนักงานลิขสิทธิ์อเมริกันยัน งานของ AI ไม่นับว่า ‘มีลิขสิทธิ์’ ถ้าปราศจากการ ‘ลงแรงอย่างเพียงพอ’ ของมนุษย์
ในขณะที่ต้นปี 2025 โลกกำลังเริ่มตื่นเต้นกับการท้าทาย AI ฝั่งอเมริกาของ DeepSeek อันเป็น AI ฝั่งจีน แต่จริงๆ แล้วฝั่งอเมริกาเองเรื่องราวของ AI ก็มีปัญหาโลกแตกที่คาราคาซังมาข้ามปี คือปัญหาที่ว่า งานที่ถูกสร้างโดย AI ถือว่ามี ‘ลิขสิทธิ์’ หรือไม่
แน่นอน ปัญหานี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2022 ที่คนเริ่มใช้ Generative AI แพร่หลาย และหลายชิ้นก็ถูกนำไปส่งประกวดด้านงานศิลปะ จนได้รับรางวัล ทำให้คนเห็นศักยภาพมากขึ้น และทำให้เกิด ‘ศิลปิน AI’ มากมายที่สร้างงานสารพัดรูปแบบด้วย Generative AI
และปัญหาที่คนเหล่านี้เจอร่วมกันคือ ทางสำนักงานลิขสิทธิ์อเมริกัน ไม่ยอมขึ้นทะเบียนลิขสิทธิ์งานที่สร้างโดย AI เหล่านี้ให้ เช่นบางคนวาดการ์ตูนโดยใช้ AI และเอาการ์ตูนไปขึ้นทะเบียนก็จะถูกปฏิเสธ
ตรงนี้ก็ต้องเข้าใจก่อนว่า ในระเบียบกฎหมายลิขสิทธิ์โลกปัจจุบันไม่ว่าจะในประเทศไหน การคุ้มครองลิขสิทธิ์ไม่มีความจำเป็นต้องเอางานไปขึ้นทะเบียนหรือ ‘จดลิขสิทธิ์’ เหมือนทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆ แต่งานที่มีลิขสิทธิ์ ถ้ามันสร้างมาปุ๊บกฎหมายจะคุ้มครองเลย แต่โดยทั่วไปการเอางานไปขึ้นทะเบียนจะทำให้เวลาต้องดำเนินคดีมันจะง่ายขึ้น ไม่ต้องพิสูจน์กับศาลว่าตัวเองสร้างงานนี้จริง
แต่สำนักงานลิขสิทธิ์ก็ไม่ยอมให้งานพวกนี้ขึ้นทะเบียน โดยในตอนแรกอ้างว่าไม่มีกฎหมายระบุชัดเจน และทางสำนักงานไม่มีอำนาจในการออกกฎหมายนี้ ต้องให้สภาออกกฎหมายรับรองชัดๆ ถึงจะขึ้นทะเบียนให้ได้
ล่าสุด มกราคม 2025 สำนักงานลิขสิทธิ์ออกไกด์ไลน์ชัดๆ สำหรับสถานะของ AI ในกฎหมายลิขสิทธิ์
พูดแบบเข้าใจง่ายสุด สำนักงานลิขสิทธิ์บอกว่างาน ‘ส่วนที่สร้างโดย AI’ ต้องถือว่าไม่มีลิขสิทธิ์ และจริงๆ นี่เป็นไปภายใต้หลักการลิขสิทธิ์เมื่อปี 1965 เมื่อกฎหมายลิขสิทธิ์ต้องเผชิญหน้ากับคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรก โดยหลักการพื้นฐานตั้งแต่ตอนนั้นก็คือ งานส่วนที่สร้างโดยมนุษย์ถือว่ามีลิขสิทธิ์ แต่งานส่วนที่สร้างโดยคอมพิวเตอร์โดยมนุษย์ไม่ได้มีส่วนในการควบคุม ต้องถือว่าไม่มี และนี่คือหลักการพื้นฐานด้านลิขสิทธิ์ที่ใช้มาตลอดยุคอินเทอร์เน็ต
แล้วในทางปฏิบัติมันยังไง? สำนักงานลิขสิทธิ์ยกตัวอย่างชัดๆ เลยว่า ข้อความที่ใช้สั่งงาน AI ที่เรียกกันว่า Prompt นั้นไม่ได้นำมาสู่ผลผลิตของ AI ที่มีลิขสิทธิ์ โดยตัวอย่างง่ายๆ ก็คือ การใส่ Prompt ภาพเดียวกันกับ AI คนละตัว สิ่งที่จะเกิดคือ AI ก็จะวาดภาพออกมาไม่เหมือนกัน ดังนั้นแสดงว่ามนุษย์ไม่ได้มีส่วนในการควบคุมตัว ‘ผลลัพธ์ที่ออกมา’ และนั่นคือการเขียน Prompt สั่งให้ AI วาดภาพ เขียนหนังสือ สร้างบทเพลง หรือทำวิดีโอ ล้วนได้ผลผลิตที่ ‘ไม่นับว่ามีลิขสิทธิ์’ เพราะทางสำนักงานลิขสิทธิ์ถือว่าสิ่งที่ออกมาคือ ‘ผลงานของคอมพิวเตอร์’
ทั้งหมดนี้ทำให้เหล่าศิลปิน AI เซ็งมาก และฝั่งผู้ต่อต้าน AI ก็เริ่มเฮที่กฎหมายเล่นงานพวกศิลปิน AI แต่ความเป็นจริง สุดท้ายตัวศิลปินจริงๆ ก็อาจได้รับผลกระทบในระยะยาว
ถ้าว่าตามสำนักงานลิขสิทธิ์ งานที่ถูกสร้างโดย AI ไม่ถือว่ามีลิขสิทธิ์ และจะไม่ได้รับการคุ้มครอง จบ
อยากให้ลองคิดว่า เราอยู่ในยุคที่คอนเทนต์อินเทอร์เน็ตทุกอย่างถูกสร้างโดย AI มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงจุดหนึ่งคอนเทนต์ที่ใช้ AI สร้างเป็นหลัก จะเป็นคอนเทนต์ส่วนใหญ่บนอินเทอร์เน็ต คอนเทนต์ของมนุษย์เพียวๆ จะเป็นคอนเทนต์ส่วนน้อย คำถามคือมันจะเกิดอะไรขึ้น?
ในทางปฏิบัติ โลกจะกลับตาลปัตร เพราะทุกวันนี้เวลาเราเข้าอินเทอร์เน็ต เราเจอภาพใคร เราจะคิดเสมอว่าภาพมีลิขสิทธิ์ จะใช้ต้องไป ‘ขออนุญาต’ กับเจ้าของก่อนถ้าไม่อยากมีปัญหาภายหลัง
แต่ในยุคที่ภาพแทบทั้งหมดบนอินเทอร์เน็ตเป็นฝีมือของ AI เป็นหลักซึ่งฝั่งอเมริกาบอกแล้วว่าไม่มีลิขสิทธิ์ สุดท้ายความคิดคนจะค่อยๆ เปลี่ยน และมองว่าทุกสิ่งบนอินเทอร์เน็ต ‘เป็นผลงานของ AI เว้นแต่จะมีการบอกว่าเป็นผลงานของมนุษย์’ และนั่นเอง ถ้าเป็นงานของ AI ก็หมายความว่าเอามาทำอะไรต่อได้ โดยไม่ต้องกลัวการฟ้องร้อง เพราะมันไม่ถือว่ามีลิขสิทธิ์
เรื่องพวกนี้อาจฟังดูเป็นอนาคตอันไกลโพ้น เว้นแต่ว่าเอาจริงๆ ทุกวันนี้ในหลายๆ อุตสาหกรรมเริ่มมีปัญหางานของ AI เข้ามาปะปนกับงานของมนุษย์แล้ว เช่นหนังสือใน Amazon จำนวนมาก เป็นหนังสือที่เขียนโดย AI และมันก็เขียนได้ดีขึ้นทุกวัน จนล่าสุดสมาคมนักเขียนแห่งอเมริกา ก็ประกาศว่าจะเริ่มออก ‘เครื่องหมายรับประกันว่ามนุษย์ทำขึ้น’ กับงานที่ยืนยันได้จริงๆ ว่าผู้เขียนเป็นมนุษย์แล้ว
ทุกอย่างฟังดูหลุดมาจากหนังไซไฟมาก แต่มันเกิดขึ้นแล้ว ณ ปี 2025 โดยเรื่องพวกนี้ในภาวะเศรษฐกิจและสังคมปกติก็คงจะเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่มันไม่เป็นข่าวเท่าไร เพราะในเวลาเดียวกัน การขึ้นเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ทำให้โลกสะเทือนไม่เว้นแต่ละวันกับ ‘คำสั่งฝ่ายบริหาร’ ที่ดูเหมือนหลุดมาจากหนังตลกล้อเลียนการเมือง เพียงแต่มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงและส่งผลทันตาเห็น
แหล่งข้อมูล
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1187222332966101&set=a.811136580574680