ปลดล็อก 31 จังหวัด ด้วยภูมิรัฐศาสตร์ยุคใหม่ ให้กลายเป็นเมืองเศรษฐกิจ

Share

Loading

31 จังหวัดของไทยมีพรมแดนติดกับพม่า ลาว กัมพูชา และ มาเลเซีย  เคยเผชิญกับความท้าทายและปัจจัยลบมากมาย ทั้งปัญหาความยากจน โครงสร้างพื้นฐานที่จำกัด ประชากรย้ายถิ่นฐาน หรือ เยาวชนหนีไปยังพื้นที่เมือง

รายงานเชิงนโยบายเรื่อง “ปลดล็อกศักยภาพชายแดนประเทศไทย” ของ ธนาคารโลก (World Bank) ฉบับล่าสุด พบว่าเมืองเหล่านี้กำลังกลายเป็นประตูการค้าสำคัญ เวิลด์แบงก์ แนะไทยเดินหน้าปลดล็อคศักยภาพจังหวัดชายแดน ขับเคลื่อนศก.สู่ประตูการค้าสำคัญ หลายพื้นที่มีศักยภาพสำคัญในการพัฒนา จากตำแหน่งที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ข้ามพรมแดน การเข้าถึงแรงงานและวัตถุดิบราคาถูกจากประเทศเพื่อนบ้าน และการเป็นเมืองชายแดน ช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน สามารถเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจของไทยกับตลาดใหญ่ๆ ได้ รวมถึงในพื้นที่เหล่านี้ ยังส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการบูรณาการทางสังคมได้เป็นอย่างดี

ในช่วงที่ผ่านมา จังหวัดชายแดนของไทย มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจล้าหลังกว่าภูมิภาคในประเทศ โดยมี GDP ต่อหัวต่ำกว่า 34% และมีความหนาแน่นของประชากรประมาณครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับจังหวัดในประเทศ (ไม่รวมกรุงเทพฯ) ในขณะที่ภูมิภาคเหล่านี้ มีเปอร์เซ็นต์ประชากรในเมือง คล้ายกับพื้นที่ในประเทศ โครงสร้างทางเศรษฐกิจมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีแรงงานมากกว่าครึ่งหนึ่งทำงานในภาคเกษตรกรรมมากกว่าอุตสาหกรรม ที่มีมูลค่าสูงกว่า

ธนาคารโลก ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาความท้าทายในการพัฒนาและโอกาสในจังหวัดชายแดน ผ่านมุมมองการวิเคราะห์หลายด้าน ด้วยการประเมินศักยภาพทางเศรษฐกิจของจังหวัดชายแดน และกรณีศึกษาเชิงลึกของ 5 จังหวัดชายแดน รวมถึงพิจารณาบทเรียนที่ได้จากเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZs) ซึ่งจัดตั้งขึ้นใน 10 จังหวัดชายแดน

จังหวัดชายแดนส่วนใหญ่ เผชิญกับความท้าทายด้านทุนมนุษย์ที่สำคัญ ซึ่งเห็นได้จากระดับการศึกษาที่ต่ำกว่าและอัตราการออกจากโรงเรียนที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของประเทศ

ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงทางประชากรอย่างรวดเร็ว ความท้าทายนี้เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันในจังหวัดชายแดน โดยเฉพาะในภูมิภาคทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น เชียงรายและมุกดาหาร สร้างความตึงเครียดให้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านการดูแลสุขภาพและบริการทางสังคมที่จำกัดในภูมิภาคชายแดน

ประเทศไทยและจังหวัดชายแดนพึ่งพาแรงงานข้ามชาติจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาก แม้รัฐบาลจะจัดหาสวัสดิการเช่นประกันสุขภาพและการเข้าถึงการศึกษาให้กับแรงงานที่ลงทะเบียน แต่กระบวนการทางกฎหมายที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ผู้อพยพหันไปใช้ช่องทางที่ไม่เป็นทางการแทน

จังหวัดชายแดนเผชิญกับความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งจำกัดศักยภาพทางเศรษฐกิจ ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานข้ามพรมแดน รวมถึงด่านศุลกากรและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการค้า ยังคงมีการพัฒนาไม่เพียงพอ ซึ่งจำกัดศักยภาพทางการค้า นอกจากนี้ ปัญหาความเข้ากันได้ของการขนส่งกับประเทศเพื่อนบ้านยังทำให้การบูรณาการระดับภูมิภาคซับซ้อนยิ่งขึ้น

ความท้าทายด้านการประสานงาน จากการจัดการราชการที่ยังเป็นศูนย์รวม แม้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จะถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการกระจายอำนาจ แต่ก็ยังมีอำนาจและความเป็นอิสระทางการเงินที่จำกัด ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โควตาการส่งออก กระบวนการจัดสรรโควตาของไทยมีความซับซ้อน โดยมีเกณฑ์ที่ไม่ชัดเจน สร้างความไม่แน่นอนให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โควตาที่มีข้อจำกัด ทำให้ผู้ส่งออกในท้องถิ่นต้องส่งสินค้าผ่านผู้ถือโควตานอกพื้นที่จังหวัดของตน ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น

นโยบายที่ดิน เขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZs) ประสบปัญหากับระเบียบการใช้ที่ดินและนโยบายการจัดโซนที่ไม่สอดคล้องกัน ซึ่งจำกัดการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม สิ่งจูงใจของ SEZs ขาดความเป็นเอกลักษณ์เมื่อเทียบกับเขตเศรษฐกิจอื่นๆ ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service Center) ศูนย์ OSS ทำหน้าที่หลักเป็นเพียงจุดรับเรื่องโดยไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ ไม่สามารถลดอุปสรรคด้านระบบราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความท้าทายในการบูรณาการระดับภูมิภาค ผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจของจังหวัดชายแดน เชื่อมโยงโดยตรงกับสภาพของประเทศเพื่อนบ้าน แต่ประเทศไทยมักล่าช้าในการตอบสนองต่อการพัฒนาระดับภูมิภาค ซึ่งส่งผลให้เสียโอกาสและมีต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น

สำหรับรายละเอียดการวิเคราะห์ 5 จังหวัดชายแดนที่คัดเลือกมาศึกษา มีดังนี้

1.จังหวัดเชียงราย : ตั้งอยู่เชิงยุทธศาสตร์ในภาคเหนือของไทย ติดกับสปป.ลาว และพม่า มีจุดแข็งคือเกษตรกรรมมูลค่าสูง สาธารณสุข การศึกษา และการท่องเที่ยว โดยมีข้อได้เปรียบในการแข่งขัน คือเส้นทางการค้าสำคัญสู่จีนตอนใต้ ผ่านเส้นทาง R3A มีศักยภาพในการดูแลผู้สูงอายุ และบริการเกี่ยวกับการเกษียณ อย่างไรก็ดี ยังมีความท้าทาย คือเรื่องประชากรสูงวัย ระดับการศึกษาต่ำ ความกังวลด้านความปลอดภัยบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ และช่องว่างด้านโครงสร้างพื้นฐานในสปป.ลาว ดังนั้น จึงมีข้อเสนอแนะให้พัฒนาบริการดูแลผู้สูงอายุ พัฒนาความทันสมัยด้านเกษตรกรรม และเสริมสร้างความร่วมมือกับสปป.ลาว ผ่านงานแสดงสินค้าและการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน

2.จังหวัดสงขลา : ตั้งอยู่ทางภาคใต้ของไทย เป็นประตูยุทธศาสตร์สู่เศรษฐกิจอาเซียน จุดแข็งคือมีแรงงานหนุ่มสาว มีความสัมพันธ์ทวิภาคีที่แข็งแกร่งกับมาเลเซีย มีเศรษฐกิจที่หลากหลาย และมีศักยภาพในการขยายตลาดฮาลาล โดยข้อได้เปรียบในการแข่งขันคือมีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ ปริมาณการค้าสำคัญผ่านจุดตรวจชายแดน อย่างไรก็ดี ยังมีความท้าทายจากการขาดแคลนแรงงาน ข้อจำกัดด้านวีซ่า ระบบโลจิสติกส์ที่ยังไม่พัฒนา และกระบวนการรับรองฮาลาลที่ซับซ้อน จึงมีข้อเสนอแนะให้แก้ไขการขาดแคลนแรงงาน ปรับปรุงระบบโลจิสติกส์ ขยายการท่องเที่ยวกับมาเลเซีย และมุ่งเน้นความร่วมมือด้านตลาดฮาลาลให้มากขึ้น

3.จังหวัดสระแก้ว : ประตูการค้าหลักสู่กัมพูชา มีจุดแข็งด้านเกษตรกรรม (มันสำปะหลัง อ้อย ยางพารา) และศักยภาพด้านการท่องเที่ยว สามารถเข้าถึงแรงงานกัมพูชา โดยข้อได้เปรียบในการแข่งขัน คือมีสินค้าที่ได้รับการรับรอง GI และมีความใกล้ชิดกับกัมพูชาสำหรับการค้าและแรงงาน อย่างไรก็ดี ยังมีความท้าทายในการพัฒนาเมืองต่ำ ข้อจำกัดด้านสิทธิที่ดิน ปัญหาทรัพยากรน้ำ และความกังวลด้านความปลอดภัยตามแนวชายแดน ดังนั้น จึงมีข้อเสนอแนะให้ปรับปรุงการศึกษาด้านอาชีวศึกษา ใช้ประโยชน์จากศักยภาพทางการเกษตร แก้ไขปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน และเสริมสร้างความร่วมมือข้ามพรมแดนกับกัมพูชา

4.จังหวัดหนองคาย : ประตูยุทธศาสตร์สำหรับการค้ากับสปป.ลาว มีจุดแข็งคือทำเลยุทธศาสตร์ ศักยภาพการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่แข็งแกร่ง และการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานกับทางรถไฟลาว-จีน โดยข้อได้เปรียบในการแข่งขันคือความใกล้ชิดกับเวียงจันทน์เรื่องการค้า การศึกษา โอกาสด้านการดูแลสุขภาพ และศักยภาพด้านโลจิสติกส์ อย่างไรก็ดี ยังมีความท้าทายเรื่องทักษะไม่ตรงกับงาน การแข่งขันจากเวียงจันทน์ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซา และการพักค้างคืนที่จำกัด ดังนั้น จึงมีข้อเสนอแนะให้พัฒนาการแปรรูปสินค้าเกษตร ขยายบริการด้านการศึกษาและสาธารณสุข และปรับใช้แนวทางการพัฒนาระดับภูมิภาคร่วมกับจังหวัดข้างเคียง

5.จังหวัดมุกดาหาร : ตั้งอยู่ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เป็นประตูการค้าสำคัญสู่สปป.ลาว มีจุดแข็งคือทำเลยุทธศาสตร์ใกล้สะหวันนะเขต การเติบโตทางการค้าที่แข็งแกร่ง และเกษตรกรรมเป็นรากฐานทางเศรษฐกิจ โดยมีข้อได้เปรียบในการแข่งขันเรื่องความใกล้ชิดกับตลาดขนาดใหญ่ในสะหวันนะเขต ศักยภาพในการท่องเที่ยวทางแม่น้ำ และการกระจายตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ยังมีความท้าทายเรื่องการย้ายถิ่นออกสูง ประชากรสูงวัย โอกาสทางการศึกษาระดับสูงที่จำกัด และการพัฒนาเมืองโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ดังนั้น จึงมีข้อเสนอแนะให้เสริมสร้างบริการสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ และกระจายเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวทางน้ำ

แหล่งข้อมูล

https://www.salika.co/2025/03/01/thailand-border-potential/